กระจกหลังระเบิด

กระจกหลังระเบิด

ถ้าจะพูดแบบคุยโม้เกินความจริงสักหน่อย ก็ต้องบอกว่าผมเดินทางไปค่อนโลกมาแล้ว เอาเฉพาะที่เดินทางโดยรถยนต์ก็ไม่น้อยกว่าสามสิบประเทศ และหากนับเฉพาะที่ต้องขับรถยนต์ด้วยตนเอง ก็ไม่น้อยกว่ายี่สิบประเทศ ทำให้เห็นสภาพของบ้านเมืองและวิถีชีวิตผู้คน เรียงรายตามสองฟากถนนมาไม่น้อย

สิ่งที่เห็นว่าชุมชนโดยรอบถนนของประเทศต่าง ๆ แตกต่างไปจากประเทศไทยจนคิดไม่ถึงก็มากมาย เช่น ถนนสายหลักในประเทศไทยมีปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ตั้งอยู่น่าจะมากที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศเจริญแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนาก็ตาม โดยหากจะนับถนนหลักที่ทอดตัวจากกรุงเทพฯ สู่ภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคใต้ และภาคตะวันออก ผมว่ามีปั๊มน้ำมันมาตรฐานตั้งอยู่ในระยะที่ห่างกันไม่เกิน ๕๐ กม.

ร้านค้าและงานบริการที่มีในปั๊มน้ำมันของประเทศไทยนั้น ผมว่าครบเครื่องและหลากหลายที่สุดในโลก นอกจากในประเทศไทยเราจะมีร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร ทั้งอาหารแบบฟาสต์ฟู้ดของต่างชาติ และอาหารไทย ๆ แบบร้านข้าวแกง ปั๊มน้ำมันในประเทศไทยยังมีร้านอาหารตามสั่งต่าง ๆ ที่ปรุงกันสด ๆ ผัดกันเห็นๆให้บริการในปั๊มน้ำมันด้วย ส่วนเรื่องร้านจำหน่ายกาแฟนั้นไม่ต้องพูดถึง ปัจจุบันนี้เป็นของคู่กันกับร้านสะดวกซื้อและปั๊มน้ำมันไปแล้ว

ปั๊มน้ำในประเทศไทยหลายแห่ง มีร้านจำหน่ายอาหารแห้งและของที่ระลึก มีร้านจำหน่ายเสื้อผ้า มีห้องสำหรับผู้นับถือศาสนาอิสลามเพื่อทำการละหมาด มีห้องพักนอนสำหรับคนขับรถที่รู้สึกง่วง มีตู้ซักผ้าและตู้อบผ้าแห้งอัตโนมัติให้บริการ แทบจะพูดได้ว่าปั๊มน้ำมันในประเทศไทยนั้น มีสินค้าและให้บริการไม่ต่างไปจากชอบปิง มอลล์ ก็ว่าได้

ต่างจากปั๊มน้ำมันในประเทศไทยครั้งอดีต ที่จะต้องมีร้านรับปะยาง มีร้านอาหารที่เรียกกันว่าร้านข้าวต้มหรือปัจจุบันเรียกว่าร้านตามสั่ง บางปั๊มมีอู่ซ่อมเครื่องยนต์และช่วงล่าง บางปั๊มมีอู่ซ่อมระบบไฟฟ้ารถยนต์ ที่เรียกกันว่าร้านแบตเตอรี่และไดนาโม

นอกเหนือไปจากร้านค้าในบริเวณปั๊มน้ำมันแล้ว สองฟากถนนในประเทศไทยยังมีร้านค้าและบริการเรียงราย สองข้างทางของถนนหลายสาย ร้านค้าเหล่านั้นให้บริการตลอด ๒๔ ชม. บางแห่งแม้จะดูเหมือนปิดการให้บริการ แต่ก็มีป้ายบอกไว้ว่าสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลา

ในอดีตมีงานรับบริการรถยนต์อย่างหนึ่ง ที่พบอยู่บนสองข้างถนนในประเทศไทยจำนวนมาก นั่นคือร้านรับเปลี่ยนกระจกรถยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากถนนสายนั้นอยู่ระหว่างการซ่อม หรืออยู่ระหว่างการขยายพื้นผิวการจราจร จะมีร้านรับเปลี่ยนกระจกรถยนต์เกิดขึ้นราวกับดอกเห็ด ซึ่งน่าจะคาดเดาได้ว่ามีรถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุ จนกระจกบังลมหน้าแตกเกิดขึ้นบ่อยๆ

แต่เชื่อหรือไม่ว่าร้านที่รับเปลี่ยนกระจกรถยนต์นั้น มากกว่าร้อยละเก้าสิบไม่มีกระจกบังลมหลังสำรองเอาไว้ อาจจะเป็นเพราะกระจกบังลมหลังมีโอกาสแตกน้อยกว่ากระจกบังลมหน้า แต่หากกระจกบังลมแตกขึ้นมาจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบานหน้าหรือบานหลัง ล้วนสร้างความยากลำบากให้กับผู้ขับรถยนต์ไม่แพ้กัน

กลางเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มีคนส่งข้อความทางไลน์มาถามผมว่า กระจกบังลมหลังแตกได้ด้วยสาเหตุใดบ้าง เพราะรถของเขาแล่นอยู่ดี ๆ ก็มีเสียงเหมือนระเบิด แล้วกระจกบังลมหลังก็แตกไปทั้งบาน จึงสงสัยว่าจะเกิดจากโดนรถคันอื่นดีดหินมาใส่ได้หรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่มีโอกาสน้อยมากที่จะโดนหินจากรถอื่นดีดมาโดน เหมือนที่เกิดขึ้นกับกระจกบังลมหน้าบ่อย ๆ

ส่วนใหญ่แล้วกระจกบังลมหลังมักจะระเบิดหรือแตกในช่วงเช้า และมักจะแตกหรือระเบิดหลังจากผู้ขับรถเปิดใช้งานลวดความร้อนละลายฝ้า โดยในช่วงเช้าที่ขับรถนั้น ความชื้นในอากาศและอุณหภูมิภายนอกและภายในรถที่ต่างกัน จะทำให้กระจกบังลมทั้งหน้าและหลังมีฝ้าเกิดขึ้น แต่การกำจัดฝ้าที่กระจกบังลมหน้านั้น ผู้ผลิตรถยนต์ใช้วิธีการเอาลมจากระบบปรับอากาศ ไปเป่าที่กระจกบังลมหน้าเพื่อไล่ให้ฝ้าละลายหมดไป

ในขณะที่วิธีการซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ทุกยี่ห้อ ใช้สำหรับการไล่หรือละลายฝ้าที่กระจกบังลมหลังนั้น คือ การฝังเส้นลวดความร้อนเอาไว้ที่กระจกเมื่อมีฝ้าเกาะที่กระจกบังลมหลัง ผู้ขับรถก็เปิดสวิตช์ให้กระแสไฟฟ้าไปสร้างความร้อนที่เส้นลวด ความร้อนจากเส้นลวดที่วางเรียงกันตามแนวนอนของกระจกบังลมหลัง ก็จะกระจายความร้อนแผ่ออกจนฝ้าละลายหายไป

แม้ว่าผู้ผลิตรถยนต์จะมีระบบอัตโนมัติ คอยตรวจจับที่ลวดความร้อนละลายฝ้าบนกระจกบังลมหลัง เมื่อพบว่ามีความร้อนสูงถึงอุณหภูมิที่กำหนด ระบบอัตโนมัติจะทำการตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที เพื่อป้องกันความร้อนที่ขดลวดความร้อนสูงเกินไป

แต่หลายครั้งพบว่าแม้จะมีการตั้งระบบอัตโนมัติดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ความเย็นที่เกาะอยู่กับกระจก ก่อนจะโดนลวดร้อนแผ่ความร้อนมานั้น มีอุณหภูมิต่ำมากบวกกับผู้ขับรถเปิดเครื่องปรับอากาศ ในระดับอุณหภูมิต่ำเกินกว่าภายนอกมาก อุณหภูมิสูง ๆ จากลวดความร้อน เมื่อปะทะกับกระจกที่มีอุณหภูมิต่ำหรือเย็นจัดมาก ทำให้กระจกมีการขยายตัวและหดตัวต่างกัน จึงเกิดการแตกหรือระเบิดขึ้นมาได้

ข้อแนะนำสำหรับการป้องกันกระจกบังลมหลังระเบิดในลักษณะนี้ก็คือ แม้ว่ารถยนต์ของท่านจะมีระบบอัตโนมัติ คอยตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าไปยังเส้นลวดละลายฝ้าแล้วก็ตาม 

แต่เมื่อมองจากกระจกส่องหลังแล้วพบว่า กระจกบริเวณโดยรอบของเส้นลวด เริ่มใสขึ้นหรือฝ้าเริ่มละลายไปบ้างแล้ว ให้ปิดสวิตช์การทำงานของลวดละลายฝ้าลง เพื่อป้องกันไม่ให้ลวดละลายฝ้ามีความร้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปล่อยให้ความร้อนที่ยังเหลืออยู่กับลวดละลายฝ้า ทำการละลายฝ้าไปจนกระจกบังลมหลังใสเป็นปรกติครับ