มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2021 (ตอนที่ 2)

มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2021 (ตอนที่ 2)

 จากที่เกริ่นถึงมุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2021 ในครั้งก่อน วันนี้เราจะมาต่อในประเด็นที่เหลือที่น่าจับตา

2.  การฟื้นตัวของการบริโภคที่มากขึ้น

ด้วยขนาดของมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐฯ เราเชื่อว่าจะยังช่วยหนุนช่วงขาขึ้นของเศรษฐกิจให้ดำเนินต่อไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น เช่น ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีน มาตรการล็อกดาวน์ที่ทยอยผ่อนคลายลง และอุปสงค์คงค้างที่เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติ เรายังชอบการลงทุนในกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งมักปรับตัวได้ดีกว่าตลาดในช่วงเศรษฐกิจขยายตัว การเลือกลงทุนให้ถูกบริษัทยังเป็นเรื่องสำคัญที่สุด แม้จะเป็นช่วงเศรษฐกิจขยายตัว แต่ก็สามารถเผชิญกับภาวะตลาดผันผวนได้บ่อยครั้ง นอกจากนี้กลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกและหุ้นกู้อนุพันธ์ (Structured product) สามารถช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนได้

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปทั่วสหรัฐฯ และต่างประเทศ รวมไปถึงบริษัทขนาดเล็ก ศักยภาพในการใช้จ่ายของครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลรวมกันกว่า 3.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่ต้นปี 2020 โดยงบประมาณส่วนใหญ่ของแผน American Rescue Plan มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ถูกจ่ายตรงไปสู่กระเป๋าของชาวอเมริกัน ดังนั้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคกำลังอยู่ในโหมดปรับตัวขึ้น จากการที่ชาวอเมริกันได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกอีกครั้ง รวมไปถึงจากการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น และมีเงินสดในการใช้จ่าย

นอกจากมาตรการทางการคลังแล้ว แนวโน้มการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคสหรัฐฯในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็น 70% ของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯ ศักยภาพในการใช้จ่ายของครัวเรือนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากปี 2020 เทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008/2009 ที่ลดไปถึง 3.47 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ยุโรป

เศรษฐกิจในยุโรปช่วงที่ผ่านมามุ่งไปที่การฟื้นตัวของภาคการผลิตและการลงทุน แม้ว่ามาตรการกระตุ้นการบริโภคจะยังมีไม่มากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ แต่การฉีดวัคซีนมีความคืบหน้าอย่างมาก ประกอบกับวัคซีนพาสปอร์ตจะสามารถช่วยให้การเดินทางในภูมิภาคนี้ดียิ่งขึ้น เราคาดว่าจะเห็นการใช้จ่ายที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ช่วงที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มการเงินของยุโรปอาจไม่ค่อยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากนัก แต่คาดว่าอาจมีโอกาสปรับตัวได้มากในช่วงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจรอบนี้

บริษัทขนาดเล็กทั่วโลกกำลังพลิกฟื้นกลับมา

อย่างน้อย 50% ของประชากรวัยทำงานในภาคเอกชนของสหรัฐฯ และยุโรปถูกจ้างงานโดยบริษัทขนาดเล็ก ในสหรัฐฯ มีการคาดการณ์ว่า 40% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาจากบริษัทขนาดเล็ก ดังนั้น บริษัทเหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ปัจจุบันบริษัทขนาดเล็กมีมูลค่าที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ และมีโอกาสของการเติบโตของผลประกอบการได้ดีในปี 2021 และ 2022 จากการเป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

3.การลงทุนอย่างยั่งยืน : มากกว่าแค่การลงทุนให้รู้สึกดี

กระแสการลงทุนอย่างยั่งยืนและความสนใจของนักลงทุนต่อบริษัทที่มี ESG ยังคงมีมากขึ้น แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด บริษัทเหล่านี้ยังสามารถทำผลการดำเนินงานได้ดี แสดงให้เห็นว่าการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบมีส่วนสร้างความแข็งแกร่งแม้ในสภาวะที่ยากลำบาก จากการเก็บข้อมูลจะเห็นว่าบริษัทที่มีอัตราด้าน ESG สูงกว่า มักจะเป็นบริษัทที่มีสถานะการเงินที่มั่นคงและมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่าบริษัทที่มีอัตราด้าน ESG ต่ำกว่า

การลงทุนอย่างยั่งยืนกำลังเปลี่ยนโลกการลงทุน

หนึ่งในตัวอย่างการลงทุนที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ กลุ่มพลังงานสะอาด แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทในอุตสาหกรรมนี้จะมีตัวเลขการประเมินด้าน ESG ที่ดี ดังนั้น แม้จะเป็นแบบการลงทุนที่กำลังเป็นกระแส แต่สิ่งสำคัญยังเป็นการเลือกบริษัทที่แข็งแกร่งที่สุด

ปัจจุบันกลุ่มพลังงานสะอาด ยังคงมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี จากการที่มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันกับพลังงานชนิดอื่นได้และนโยบายจากรัฐบาลที่สนับสนุนให้ธุรกิจทำตามข้อสัญญาเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน อย่างไรก็ดีมูลค่า (Valuation) ได้สะท้อนถึงความสนใจที่มากล้นของนักลงทุนไปแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ เราได้ติดตามเทรนด์ของอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดและมีมุมมองเป็นกลางต่อการลงทุนในกลุ่มนี้ แม้ว่าราคาจะมีการปรับลดลง แต่ความสนใจของนักลงทุนยังคงมีอยู่มากและควรเลือกลงทุนในบริษัทที่มีข้อได้เปรียบและมีความสามารถในการทำกำไรได้ดี 

4.บริษัทที่ปรับตัวได้ดี : เตรียมพร้อมสู่การเติบโตแห่งอนาคต

บริษัทที่ปรับตัวได้ไวต่อสภาพแวดล้อมใหม่หลังวิกฤตโควิด มักได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ธุรกิจที่ปรับตัวได้ดีมักมี Productivity ที่มากขึ้นและตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมได้ไวขึ้น บริษัทเหล่านี้จึงสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด

 ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัทเหล่านั้นได้แก่

  • วิธีการที่บริษัทใช้ในการรับมือความไม่แน่นอน
  • ความยืดหยุ่นของบริษัทเมื่อโมเดลธุรกิจไม่เหมาะสมอีกต่อไป
  • บริษัททำอย่างไรเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว