ทายาทธุรกิจ

ทายาทธุรกิจ

การรับช่วงธุรกิจครอบครัวเป็นเรื่องของการบริหารการจัดการที่ต้องใช้ธุรกิจเป็นตัวนำ

การเปลี่ยนผ่านอำนาจบริหารของธุรกิจครอบครัว ถือเป็นเรื่องท้าทายเสมอเพราะเมื่อคนรุ่นใหม่ขึ้นมากุมบังเหียนก็มักจะใช้แนวทางใหม่ ไปจนถึงปฏิรูปการทำธุรกิจใหม่ทั้งหมดตามความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและอุตสาหกรรมในขณะนั้น

แต่ในยุคที่ธุรกิจมีความผันผวนรุนแรงเช่นปัจจุบันนี้ การเปิดทางให้ทายาทรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนในอดีต เพราะเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดช่องว่างระหว่างคนสองรุ่น นั่นคือทายาทรุ่นใหม่ พร้อมจะกระโจนเข้าสู่กระแสดิจิทัลแต่คนรุ่นเก่ามักยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ และกลัวว่าคนรุ่นใหม่ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ

แนวทางสำหรับคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาสืบทอดอำนาจในการบริหารธุรกิจครอบครัวจึงจำเป็นต้องมีขั้นตอน มีแผนงานและกลยุทธ์ ดังนี้

ประการแรก การรับช่วงในการบริหารธุรกิจครอบครัว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเพื่อเอาใจพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเสมอไป ทั้งนี้ไม่ได้หมายถึงความกตัญญูรู้คุณหรือการเคารพยกย่องพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ แต่เป็นเรื่องของการบริหารการจัดการที่ต้องใช้ธุรกิจเป็นตัวนำ

นั่นคือต้องกล้าเป็นตัวของตัวเอง กล้าอธิบายให้คนรุ่นเก่าเข้าใจ ไม่ใช่การหลีกเลี่ยงโดยไม่ยอมปรึกษาหารือกัน ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่มีใครเคยพบเจอมาก่อนก็จำเป็นต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน แต่ก็ต้องยืนยันความคิดของตัวเองแม้จะขัดใจคนรุ่นเก่าก็ตาม

ประการที่สอง หากมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ อย่าปล่อยให้บานปลายจนกลายเป็นความต้องการเอาชนะคะคานกัน บางครั้งอาจต้องซื้อเวลาด้วยการค่อยๆ ใช้เหตุและผลปรับเปลี่ยนทุกอย่างไปทีละนิดจนคนรุ่นเก่าค่อยๆ เห็นและค่อยๆ มั่นใจ

ประการที่สาม หากคุยกันไม่ลงตัว ก็ต้องคิดได้ว่ายังมีอีกหลายเรื่องให้จัดการ คนรุ่นใหม่จึงต้องรู้วิธีจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องการเปลี่ยนแปลง และต้องมีความยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนแผนเหล่านั้นหากขัดแย้งกับคนรุ่นเก่าในบางข้อ ก็ปล่อยไปก่อนแล้วหันไปทำข้ออื่นๆ ก่อน

การแตกหักกับคนรุ่นเก่าไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะคนรุ่นพ่อรุ่นแม่เมื่อเข้าสู่วัยชราอาจจะเกิดอาการน้อยใจได้ง่าย คนรุ่นใหม่จึงต้องรู้จักอดทนและต้องทำให้คนรุ่นเก่ารู้สึกว่าเราให้ความสำคัญกับเขา และยกย่องว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นนั้นก็มาจากเขา

ประการที่สี่ ต้องเข้าใจธรรมชาติว่าคนรุ่นเก่ามักมองเราเป็นเด็กเสมอ บางทีแค่พูดอะไรบางอย่างเขาก็จะตัดบทว่ารู้แล้วๆ เพราะคุ้นเคยกับเรามาตั้งแต่ยังเด็ก หากมีความเห็นไม่ตรงกันก็ต้องรู้จักวิธีจัดการและไม่ควรขัดแย้งกันต่อหน้าผู้บริหารหรือพนักงานคนอื่น

อย่าลืมว่าสมัยที่เป็นวัยรุ่นนั้นเรามักทำอะไรสวนทางกับที่พ่อแม่สั่งสอนเสมอ ด้วยอารมณ์และฮอร์โมนที่รุนแรงอาจทำให้คนรุ่นพ่อแม่ยังไม่ไว้ใจคนรุ่นใหม่เท่าที่ควรเพราะยังจำภาพในวันนั้นได้แม้ว่าทุกวันนี้จะเลยช่วงอายุของวัยรุ่นมาแล้วก็ตาม

ความผันผวนปรวนแปรในสถานการณ์โควิดอาจนำพาวิกฤติมาสู่ธุรกิจของครอบครัว แต่ในอีกทางหนึ่งก็เป็นตัวลดช่องว่างด้านดิจิทัลให้กับเราด้วยเช่นกัน เพราะในยามนี้คนรุ่นเก่าถูกบังคับให้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ผ่านระบบอีคอมเมิร์ซ รู้จักการประชุมผ่านระบบออนไลน์ ฯลฯ

ทายาทรุ่นใหม่ที่กำลังจะขึ้นมากุมอำนาจในบริษัทจึงมีโอกาสที่จะพูดคุยในเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งกำลังเป็นหัวใจสำคัญในการบริหารองค์กรได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากมีกลยุทธ์ในการสื่อสารที่ดีก็ย่อมทำให้เกิดการยอมรับทางความคิดและปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็นไปในแนวทางที่คนรุ่นใหม่ต้องการได้มากขึ้น

อย่าลืมว่าไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกเจริญเติบโต หากการรับช่วงธุรกิจเป็นไปอย่างราบรื่นก็ยิ่งทำให้ธุรกิจก้าวต่อไปได้อย่างมั่นคง