ไปธนาคารไมได้ ทำอย่างไรดี  

ยังมีจำนวนผู้ติดอย่างต่อเนื่อง แต่ขอพระเจ้าจะปกป้องท่านผู้อ่านทุกท่านและขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านนะครับ เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกันได้อย่างแน่นอนครับ และด้วยสถานการณ์แบบนี้ ทำให้ทุกท่านคงต้องป้องกันตนเอง ไม่ไปอยู่ในที่ชุมชน ที่มีคนเยอะๆ จริงมั้ยครับ แต่มันก็คงมีหลายๆ สถานการณ์ที่ไม่สามารถจะทำสิ่งต่างๆ จากที่บ้านได้ อย่างเช่นการไปธนาคารเป็นต้น วันนี้ผมมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Co., Ltd. คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® จะมาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกท่านฟังครับว่า ถ้าหากเราจำเป็นต้องไปธนาคาร แต่ไปไม่ได้ เราควรทำอย่างไรดี

หากมีความจำเป็นต้องเบิกเงินออกมาจากบัญชีธนาคาร แต่ไม่สามารถไปยืนยันตัวด้วยตนเองได้ที่ธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม อาจจะเป็นผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล หรือ กำลังกักตัวอยู่ สามารถทำอย่างไรได้บ้าง? ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน จากบัญชีจำนวนมาก การปิด เปิดบัญชี หรือ รวมไปถึงธุรกรรมอย่างอื่นที่ต้องใช้ลายเซ็นของเจ้าของบัญชี ซึ่งหากเจ้าของบัญชีไม่สามารถเซ็นได้เหมือนเดิม ก็ต้องไปเซ็นต่อหน้าพนักงานที่สาขาของธนาคาร ซึ่งหากตัวเจ้าของบัญชีไม่สามารถไปได้ ก็จะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินนั้นๆ ได้

สำหรับเจ้าของกิจการ การที่ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้นั้น ย่อมทำให้ ธุรกิจที่ดำเนินอยู่นั้นติดขัดไปด้วย สวนทางกับอัตราดอกเบี้ยที่กู้มาลงทุนนั้นกลับยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ มีนักธุรกิจอีกจำนวนหลายๆ คนที่ลืมคิดเรื่องนี้ไปว่า หากเราเจ็บป่วย จะทำให้ธุรกรรมทางการเงินของเรานั้นจะหยุดชะงักไปด้วย และก็จะกระทบต่อไปยังธุรกิจของเรานั่นเอง

       ทางออกของปัญหานี้นั้น พอจะแบ่งออกได้ เป็น 2 ส่วนก็คือ หนึ่ง คือการป้องกันก่อนที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นและ สอง คือการแก้ไขสถานการณ์ หากเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นก่อนที่เราจะทำการป้องกันได้ทัน

สำหรับกรณีที่ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้ว คือ หากเจ้าของบัญชี มีความจำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร แต่ไม่สามารถไปได้ ด้วยสาเหตุจากการเจ็บป่วยใดๆ นั้น ผู้เขียนแนะนำให้ทางเจ้าของบัญชี ลองทำธุรกรรมออนไลน์ดูเสียก่อน แต่หากยังทำไม่ได้ ก็ให้ติดต่อโดยตรงไปยังสาขาของธนาคาร เพื่อขอความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ เช่นทางธนาคารอาจจะส่งตัวแทนมาดูการเซ็นเช็คต่อหน้าตัวแทนธนาคาร แล้วจึงนำเช็คกลับไปขึ้นเงินให้ หรือมาทำการยืนยันตัวตนนอกสถานที่ให้เป็นกรณีพิเศษ อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยเป็นผู้ป่วยที่หมดสติไม่รู้สึกตัว หรือไม่สามารถกระทำการใดๆ ด้วยตนเองได้ ก็สามารถให้ญาติร้องขอให้ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และขอให้ศาลตั้งให้ญาติผู้นั้นเป็นผู้อนุบาล จัดการทรัพย์สินของผู้ป่วย แล้วจึงนำคำสั่งศาลที่ได้มาไปดำเนินธุรกรรมทางการเงินแทนตัวผู้ป่วยต่อไปได้ครับ

วิธีการต่างๆ ที่ว่ามานั้น สามารถนำมาใช้ในยามที่เหตุเกิดขึ้นแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีที่ว่ามาก็ใช่จะทำได้ง่ายและรวดเร็วไปซะทีเดียว ยังคงมีขั้นตอนที่วุ่นวายและกินเวลาอยู่พอสมควร ซึ่งอาจจะไม่ทันกับกำหนดการของธุรกรรมทางการเงินนั้นที่ควรจะต้องแล้วเสร็จได้ ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่เราพึงจะต้องทำก็คือการวางแผนป้องกันก่อนเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น โดยสามารถทำได้ดังนี้

การมีจัดเตรียมเอกสารสำคัญไว้เสียแต่เนิ่นๆ การให้ข้อมูล รหัสผ่านในการทำธุรกรรม กับบุคคลที่ไว้ใจได้ สำหรับกรณีฉุกเฉิน การเตรียมเงินสดสำรองไว้ในกรณีฉุกเฉินเป็นต้น หรือ อาจเลือกใช้วิธีการทำประกันสุขภาพที่มีทั้งในส่วนของความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และ เงินชดเชยรายได้ โดยหากการรักษาพยาบาลมีค่าใช้จ่ายเป็นเงินจำนวนมาก แทนที่ผู้ป่วยจะต้องไปถอนเงินที่ธนาคารด้วยตัวเองมาจ่ายค่ารักษา บริษัทประกันจะเข้ามาช่วยในส่วนนี้โดยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แทน และนอกจากนั้น ยังจะได้ในส่วนของเงินชดเชยรายได้ ที่จะเข้ามาช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ป่วยได้อีกทาง ทำให้ลดความจำเป็นในการไปทำธุรกรรมที่ธนาคารลงได้อีกด้วยครับ

สุดท้ายนี้ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เราว่ากันในมุมของธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของกิจการ ก็ยังมีในมุมของธุรกรรมของตัวบริษัทของผู้ป่วยเอง ที่ตัวผู้ป่วยอาจจะต้องเข้าไปร่วมทำด้วยตนเองอยู่ครับ เช่น การเซ็นเอกสารอนุมัติต่างๆ การยืนยันธุรกรรมต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ ทางเจ้าของกิจการก็ควรจะวางแผนไว้ด้วยเช่นกันครับ ว่าหากตัวเราไม่สามารถเซ็นเอกสารสำคัญของบริษัทได้เลย บริษัทจะยังดำเนินต่อไปได้ไหม และ หากไม่ได้ จะต้องทำอย่างไร ถือเป็นการที่เราใช้โอกาสนี้ในการวางแผน หาแผนสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นครับ