'โควิดขาลง หุ้นขาขึ้น : นักลงทุนยุคใหม่'

'โควิดขาลง หุ้นขาขึ้น : นักลงทุนยุคใหม่'

สัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์วูบลงของหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่เป็นยอดนิยมในวงการลงทุน

โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสื่อสารและรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า บริษัทในอุตสาหกรรมอื่นๆก็ถูกดึงมูลค่าหุ้นลงด้วย กำไรที่สะสมมาตั้งแต่ต้นปีโดนลบหายไปหมด มีการวิเคราะห์ว่าเหตุมาจากราคาและการผันจากหุ้นไปที่พันธบัตรของรัฐบาลอเมริกัน ความกังวลว่าเงินจะเฟ้อ หุ้นขึ้นเร็วเกินไป การรอคอยเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลซึ่งต้องผ่านหลายด่านของการเมือง ฯลฯ

ในที่สุดข่าวดีก็มาถึง เงินงบประมาณ 1.9ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งชาวอเมริกันรอรับการเยียวยาและกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ผ่านการอนุมัติของสภาฯ และประธานาธิบดี Biden ลงนามเป็นกฏหมายครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ประชาชนกว่า 85% จะได้รับเงินช่วยเหลือตามสัดส่วนของรายได้ มาตรการที่กำหนดไว้ทำด้วยความรอบคอบ เพื่อให้เงินเหล่านี้ตรงไปที่บุคคลโดยที่ไม่ต้องผ่านสถาบัน เพื่อแก้ปัญหาระดับครอบครัว ให้ดำรงชีวิตต่อไปได้ เงินบางส่วนจะเป็นงบประมาณด่วนเพื่อเปิดโรงเรียนและสถาบันที่จำเป็นต่างๆ รัฐบาลย่อยในระดับรัฐและเมืองจะได้รับเงินงบประมาณสนับสนุนให้อยู่รอด 

ตลาดหุ้นอเมริกันขานรับด้วยความคึกคัก เพราะจะมีเงินหมุนเวียนอยู่ในกระแสเป็นจำนวนมาก เงินจากคลังจะถึงมือประชาชนภายในไม่กี่วัน ส่วนหนึ่งจะจ่ายค่าเช่าบ้าน ซื้อปัจจัยสี่และความจำเป็นฉุกเฉิน อีกส่วนจากการประเมินสอบถามล่วงหน้า คาดว่าผู้ลงทุนซื้อขายหุ้นรายย่อยโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่ใช้แอพสะดวก โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม เช่นRobinhood App จะใช้เงินช่วยเหลือที่ได้รับไปลงทุนในตลาดหุ้นประมาณครึ่งหนึ่ง หลายคนคิดถึงอนาคตข้างหน้า โควิด-19 สร้างมรสุมเศรษฐกิจและส่งผลให้เปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภค รู้จักการประหยัด และแบ่งปันเงินบางส่วน ลงทุนเผื่อไว้ยามจำเป็นในอนาคต การทำงานจากบ้านและการลดกิจกรรมในสังคม ทำให้หลายคนใช้ช่วงล็อคดาวน์ที่ผ่านมา เก็บเงินจำนวนหนึ่งไว้

วิกฤติกว่าหนึ่งปี ทำให้มีคนหน้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดหุ้นเป็นจำนวนหลายล้านคน (JMP Securities ระบุว่าปีที่ผ่านมาในอเมริกามีการเปิดบัญชี Brokerage accounts เพิ่มขึ้นกว่า10ล้านบัญชี) บรรยากาศและวัฒนธรรมในการลงทุนในตลาดหุ้นในปัจจุบันแตกต่างจากยุคก่อนโควิด-19 มาก

ดัชนีหุ้นของทุกตลาดหุ้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกตลอดทั้งปี ผมประเมินว่าน่าจะขึ้นอีกประมาณ 8-10% (จากปัจจุบันดาวโจนส์ 32,587จุด) แต่ความผันผวนขึ้นๆลงๆของราคาหุ้นแต่ละบริษัท เป็นสิ่งที่เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากข่าวลือและข่าวสารที่มีปริมาณมากและกระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นโดยความรู้สึกและอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลไตร่ตรอง

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างของความผันผวน บางบริษัทขึ้นลงวันละ 10-20% และนี่ไม่ใช่เป็นบริษัทเล็ก แต่เป็นบริษัทใหญ่ระดับต้น นักลงทุนบ้างได้กำไรเยอะ บ้างขาดทุนมหาศาล ขึ้นอยู่กับสติและความหนักแน่น หรืออ่อนไหวตามความกดดันของกลุ่มชน 

การลงทุนในตลาดหุ้นแบบคลาสสิก ที่กระจายความเสี่ยงออกไปหลายบริษัทและหลายอุตสาหกรรม พิจารณารอบคอบเรื่องราคาหุ้นที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริง ความเป็นเอกลักษณ์ ความเด่นเฉพาะอย่าง ความมั่นคงของบริษัท เงินสดที่หมุนเวียน หนี้สิน กำไรขาดทุน เงินปันผล ความสามารถของผู้บริหารและวิสัยทัศน์ credit rating ฯลฯ เหล่านี้ยังเป็นสิ่งที่เราควรและต้องยึดถือเป็นหลัก เพราะหากมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปโอกาสที่จะจับจังหวะของหุ้น ขึ้นหรือลง ก็กลายเป็นการเดา การลงทุนเลยกลายเป็นการพนัน โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุนในตลาดหุ้นโดยการเดานั้นคงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก 

ผู้มีประสบการณ์หลายท่านเคยแนะนำให้พิจารณาหุ้นต่างๆให้รอบคอบ เมื่อซื้อแล้วควรเก็บไว้เป็นเวลาสามปี หลักการเหล่านี้ใช้ในหลายสถาบันที่ประสบความสำเร็จสูง แต่โลกเปลี่ยนไปมาก เราจึงเห็นว่าเทคโนโลยีซื้อขายหุ้นโดยโทรศัพท์มือถือแบบไม่มีค่าธรรมเนียม และนิสัยของการตัดสินใจรวดเร็วและอยากเห็นผลทันที การบริโภคข้อมูลจากแหล่งที่ไม่มีกลั่นกรองจากการถือหุ้นไว้สามปีกลายเป็นสามเดือนจากสามเดือนเหลือสามวัน ปัจจุบันนี้หลายคนซื้อหุ้นแล้วขายในเวลา 3 ชั่วโมง 

นักลงทุนรายย่อยซึ่งมีจำนวนไม่น้อย และปริมาณเงินจำนวนมากที่พวกเขานำเข้ามาสู่ตลาด กำลังเขย่าเสถียรภาพและกดดันวัฒนธรรมเดิม สถาบันและกองทุนต่างๆจำเป็นต้องรีบปรับนโยบายและเปลี่ยนยุทธวิธีกันใหญ่ วัฒนธรรมในการลงทุนทั่วโลกก็ปรับเปลี่ยนเลียนแบบกันไป สิ่งท้าทายเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในขอบเขตของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ข่าวลือและการซื้อขายตามข่าวลือนั้น ติดต่อกันไปเป็นไวรัสแบบใหม่ทั่วโลก

ตราบใดที่ยังไม่มีสิ่งอื่นมาทดแทนการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งนับวันจะสะดวกมากขึ้น และอิทธิพลของประเทศในตะวันตกกำหนดมูลค่าและความเชื่อมั่นในเงินตราเฉพาะสกุล รวมทั้งการสร้างภาพพจน์และศักยภาพของการทหาร การค้าขายในระบบทุนนิยมซึ่งสอดคล้องกับการลงทุนเพื่อผลกำไร การซื้อขายหุ้นก็คงเป็นที่นิยมต่อไปเรื่อยๆ 

ปริมาณเงินโดยเฉพาะดอลลาร์อเมริกันที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดโลกในปัจจุบันมีมากจนน่าเป็นห่วง และคาดว่าภายในปีนี้อาจมีงบประมาณโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศโดยเน้นเรื่องการสร้างสาธารณูปโภคใหญ่อีกประมาณ 2ล้านล้านดอลลาร์ น่าจะผ่านการอนุมัติจากสภาอีกรอบหนึ่ง ทำให้เพิ่มความเสียงเรื่องเงินเฟ้อ 

โควิด-19 ยังเป็นปัญหาอันดับหนึ่งของประชาคมโลก แม้หลายประเทศโดยเฉพาะอเมริกากำลังจะเริ่มควบคุมสถานการณ์ได้ (จำนวนผู้ติดเชื้อในปัจจุบันอยู่ที่วันละประมาณ 50,000 คนและผู้เสียชีวิตลดลงเหลือวันละประมาณ 1,000 คน นี่เป็นข่าวดีเพราะเปรียบเทียบกับความล้มเหลวที่ผ่านมา) รัฐบาลประกาศชัดเจนว่าเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นไปประชาชนชาวอเมริกันทุกคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนจะได้รับการฉีดครบถ้วน ประเมินว่าภายในเดือนมิ.ย.ป็นต้นไปจะเริ่มเห็นผลของภูมิต้านทานกลุ่ม 

ทำเนียบขาวประกาศว่าจำนวนวัคซีนที่อเมริกามีเกินความจำเป็นก็จะมีการประสานงานกับประเทศอื่นซึ่งต้องการความช่วยเหลือ และไม่ได้หมายความว่าเป็นการกุศลแต่เป็นการป้องกันสาธารณสุขทั่วโลกด้วย เพราะหากบางประเทศขาดงบประมาณหรือประสิทธิภาพในการควบคุมการติดต่อ ปัญหาก็จะหมุนเวียนอยู่ไม่จบสิ้นลง ประเทศที่มีทรัพยากรมากจะปิดชายแดนและเอาตัวรอดอย่างเดียวไม่ได้ โลกมีการติดต่อสื่อสารคมนาคมข้ามชายแดนตลอดเวลา 

ความร่วมมือด้วยความจริงใจของผู้นำในประเทศที่มีความพร้อมและช่วยเหลือประเทศที่ยังขาดแคลนอยู่นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องทำ โรคระบาดครั้งนี้มีการกลายพันธุ์ และการที่จะกำจัดให้หมดสิ้นไปคงเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ นอกจากผ่อนหนักเป็นเบา และประสบการณ์จากครั้งนี้จะทำให้ประชาคมโลกมีความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคระบาดและวิกฤติอื่นๆ

สำหรับเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ผมมั่นใจว่าจะเข้มแข็งขึ้นตั้งแต่กลางปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากผลพลอยได้ของความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศตะวันตกโดยเฉพาะอเมริกา และยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจเช่นจีน จะส่งผลโดยตรงถึงหลายอุตสาหกรรมเช่นการท่องเที่ยวและการลงทุนข้ามประเทศ ความพร้อมของไทยเรื่องสุขอนามัยสาธารณะ ซึ่งเกิดจากความสามัคคีและเสียสละของชาวไทยในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา 

เราลงทุนถูกต้องแล้วครับ ความอดทนและความร่วมมือกันโดยมีอุดมการณ์ หลักการและวิธีการที่ดี กำลังจะส่งผลตอบแทนในเร็ววันนี้ครับ