รับวันใหม่ด้วยการคิดบวก

รับวันใหม่ด้วยการคิดบวก

ความคิดบวกช่วยให้มองเห็นโอกาส มองเห็นทางออกในทุกๆ ปัญหา

เรื่องราวของคนสู้ชีวิตที่แม้จะเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงจนแพทย์วินิจฉัยว่าจะมีชีวิตยืนยาวอีกเพียงไม่กี่ปีแต่กลับอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบันด้วยการสร้างพลังในชีวิตด้วยการ “คิดบวก” ซึ่งเราเห็นตัวอย่างในลักษณะนี้จากคนรอบข้างมากมาย

เพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งก็เช่นกัน จากช่วงเวลาที่แพทย์เคยประเมินไว้ไม่กี่ปี เขากลับใช้ชีวิตอยู่ต่อมาได้อีกนับสิบปีจนถึงทุกวันนี้ เพราะความคิดบวกที่เชื่อว่าตัวเองจะต้องหาย จะต้องมีสุขภาพดีไม่แพ้คนอื่น จึงมีกำลังใจในการรักษาอย่างเต็มที่ หลังการรักษาก็ตื่นแต่เช้า ออกกำลังกายเป็นกิจวัตร ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาจนไม่มีใครรู้ว่าเคยป่วยด้วยโรคร้ายแรงมาก่อน

กำลังใจสำคัญที่ได้มาส่วนหนึ่งก็มาจากลูกๆ ที่อาจเคยห่างเหินกันไป เมื่อต้องการให้กำลังใจจึงหมั่นมาพูดคุยก็ยิ่งทำให้มีความสุขมากขึ้น แน่นอนว่าสารเคมีแห่งความสุขในสมองที่หลั่งออกมาก็ยิ่งทำให้เขาผ่อนคลาย กินอิ่ม นอนหลับ ยิ่งทำให้พิชิตโรคร้ายได้มากขึ้นจนหายเป็นปกติในที่สุด

ความคิดบวก ไม่เพียงช่วยรักษาผู้ป่วยให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น แต่กับคนปกติธรรมดาการคิดบวกก็ย่อมช่วยให้มองเห็นโอกาส มองเห็นทางออกในทุกๆ ปัญหา และมีเป้าหมายที่ชัดเจนในชีวิต การคิดบวกจึงเป็นทักษะสำคัญที่ควรมีแต่กลับกลายเป็นว่าคนจำนวนมากยังไม่สามารถก้าวข้ามความคิดลบได้ทั้งๆ ที่ เราสามารถพัฒนาความคิดบวกได้ด้วยวิธีง่ายๆ

เริ่มจากข้อแรกคือ การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความคิดที่ดีอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องเชื่อในฤกษ์งามยามดีเพราะทุกวันก็สามารถเป็นวันที่ดีได้หากเราบอกกับตัวเองตั้งแต่ลุกขึ้นจากเตียงว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีและมีความหมาย

การทำเช่นนี้ได้ต้องมีใจตั้งมั่นว่าเราจะสร้างสิ่งที่ดีในชีวิตให้ได้อย่างน้อย 1 เรื่องภายในวันนี้ ไม่ว่าจะทำงานให้เสร็จ อ่านหนังสือให้จบ เป็นอาสาสมัครสอนหนังสือให้เด็กๆ รวมถึงเรื่องส่วนตัวเช่นจะไปทำบุญ หัดใช้โปรแกรมใหม่ๆ ในมือถือ พูดเรื่องที่น่าสนใจให้เพื่อนฟัง ฯลฯ

สิ่งดีๆ ที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ระดับโลก ไม่ต้องทำซอฟต์แวร์แข่งกับบิล เกตส์ หรือตั้งใจผลิตมือถือให้ดีกว่าสตีฟ จ็อบส์ แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตในวันนี้มีความหมายขึ้นมาได้ เมื่อเราตื่นขึ้นจึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำบางเรื่องให้สำเร็จ และเมื่อทำสำเร็จได้จริงก็จะช่วยเติมเต็มในจิตใจให้เรามีพลังเพิ่มมากขึ้น

ข้อสอง รู้จักบันทึกเรื่องราวที่ผ่านมา เพื่อที่จะทบทวนสิ่งที่ทำและจัดระเบียบความคิดแล้วถ่ายทอดสิ่งที่ได้เรียนรู้มาให้กับคนอื่นได้ เพราะเมื่อเราเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการคิดบวก การบันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดวันก็ย่อมได้พลังงานด้านบวกถ่ายทอดซ้ำมากขึ้นไปด้วย

แม้จะมีบางเรื่องล้มเหลวกลายเป็นด้านลบ เราก็ยังใช้มันเป็นบทเรียนเพื่อหาทางจัดการแก้ไขในอนาคตได้ การบันทึกและถ่ายทอดให้กับคนอื่นได้รับรู้จึงเป็นการสร้างพลังบวกและถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ ประสบการณ์ในแต่ละวันของเราจึงมีความหมายกับผู้อื่นเช่นเดียวกัน

บันทึกในแต่ละวันจึงสามารถสร้างพลังบวกได้ แม้ไม่ได้เป็นเรื่องหน้าที่การงานเช่นเดินทางท่องเที่ยวเราก็สามารถบันทึกได้ว่าเกิดประสบการณ์ใหม่อย่างไรบ้างขึ้นอยู่กับแง่มุมที่บันทึก แต่ทั้งหมดนั้นจะช่วยให้เราปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นได้ในอนาคต

ยิ่งถ่ายทอดออกไป ไม่ว่าจะเป็นการเล่าให้เพื่อนฝูงได้ฟัง เขียนเป็นบทความหรือโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ก็จะยิ่งขยายผลของความคิดดีๆ ของตัวเราให้กลายเป็นวงที่กว้างขึ้นๆ ความคิดดีๆ ของเราจึงมีโอกาสทำให้ชีวิตคนอื่นดีได้ด้วยเช่นกัน