ตามแก้แต่ไม่กัน

ตามแก้แต่ไม่กัน

บอกกันไว้แต่โบราณว่ากันไว้ดีกว่าแก้ คือ บอกให้ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดีกว่าจะคอยตามแก้ปัญหา แต่ที่พบเห็นกันอยู่บ่อยๆ

คือปัญหาเดิมๆ กลับเกิดขึ้นอย่างซ้ำซากเหมือนกับเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ และแต่ละครั้งก็สร้างความเสียหายไม่น้อย แก้ได้แล้วก็ทำประหนึ่งไม่เคยเรียนรู้อะไรจากการแก้ปัญหาในครั้งนั้นแล้วตั้งต้นกันใหม่ แทบทุกครั้งที่ปัญหาเดิมกลับมาใหม่หน้าตาของปัญหาอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่เรื่องหลักๆ ก็ยังเหมือนเดิม เคยเกิดโรคอุบัติใหม่จากการบริโภคสัตว์ป่าระบาดแรงๆ มาหลายครั้ง แต่ก็เจอกันใหม่จนวุ่นวายไปทั้งโลกและยังไม่ทันจบสิ้น ก็มีข่าวในทำนองเดียวกันอีกว่าจะมีโรคใหม่จากเหตุเดียวกันเกิดขึ้นอีกอะไรที่ทำให้คนเราชอบตามแก้ปัญหาแต่ไม่พยายามอย่างจริงจังในการป้องกันปัญหา

มีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกดีกับการที่ตนแก้ปัญหาได้เก่งจนกระทั่งไม่คิดที่จะป้องกันปัญหาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิด แก้เก่งเลยสนุกกับการแก้ ไม่แบ่งใจให้กับการครุ่นคิดหาหนทางป้องกัน ผู้บริหารท้องถิ่นดีใจที่แก้ปัญหาน้ำแล้งได้ผลดีทุกปีที่ฝนแล้งเลยไม่คิดต่อว่า ทำอย่างไรจะไม่ให้มีปัญหาน้ำแล้ง ความเก่งในการแก้ปัญหาเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนไปพร้อมกัน เมื่อใดก็ตามที่เรานึกว่าเราเก่งพอที่จะแก้ปัญหานั้น เมื่อนั้นเราจะไม่ใส่ใจหาหนทางป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้น เราจะทำตัวเหมือนคนที่ไม่มีการเรียนรู้ใดๆ คือยอมตามแก้ปัญหาซ้ำซากนั้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักป้องกันปัญหา เอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับปัญหาจนเหมือนตาบอดมองไม่เห็นปัญหาก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้นกับตนเอง สังเกตจากการสรุปเรื่องหลังจากการแก้ปัญหาที่เรียกกันว่า After Action Review เราถูกฝึกให้สรุปกันว่า Action ที่ได้กระทำกันไปในการแก้ปัญหานั้น มีอะไรบ้างที่เป็น GoodPractice มากกว่าจะค้นหาว่าจะป้องกันไม่ให้เราต้องกระทำ Action เหล่านั้นซ้ำอีกได้อย่างไร ปัญหาซ้ำซากอาจเกิดขึ้นได้จากความทรนงว่าตนเองเก่งตนเองมีความพร้อมในการแก้ปัญหามากกว่าคนอื่นเปลี่ยนความคิดกันใหม่เถอะว่า เก่งจริงต้องป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดิมมาให้ต้องแก้กันอีก

 ปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น มักมีสัญญาณบอกกล่าวมาให้เห็นก่อนเสมอ ก่อนจะมีโรคระบาดในบ้านเมืองหนึ่ง ก็มักมีข่าวจากต่างบ้านต่างเมืองว่า กำลังมีโรคระบาดเกิดขึ้น รู้กันก่อนแล้วว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เพียงแต่คนที่รู้อาจกำลังวุ่นวายอยู่กับงานประจำอื่นๆ จนล้นมือที่จะหันมาดูแลหาทางป้องกัน งานประจำที่ทำอยู่เยอะเกินไปและมักเป็นงานประจำที่เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองปัญหาไม่ใช่งานประจำที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันปัญหา ดูจากชื่อหน่วยงานส่วนใหญ่จะมีคำว่า “ควบคุม” หรือ “บรรเทา” มาก่อนคำว่า “ป้องกัน” เสมอ ดังนั้นต้องหันมาดูงานประจำว่า จะปรับเปลี่ยนจากควบคุมหรือบรรเทามาเป็นการเน้นที่การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาได้อย่างไร นิยามของความสำเร็จต้องเปลี่ยนจากประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาไปเป็นประสบความสำเร็จในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เพิ่มเวลา เพิ่มทรัพยากรในการป้องกันให้มากกว่าการแก้ไข เอางบกลางไปเทให้การป้องกัน อย่าไปกองรอไว้แก้หรือบรรเทาปัญหา

บ่อยครั้งที่มีเฉพาะบางคนเท่านั้นที่เห็นสัญญาณเตือนว่ากำลังจะเกิดปัญหาขึ้น ถ้าคนนั้นบอกว่าไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน แล้วคิดไปว่าคนอื่นที่มีบทบาทหน้าที่ในเรื่องนั้นมากกว่าตัวฉันก็คงมองเห็นเช่นเดียวกัน ธุระไม่ใช่ หรือใครๆ ก็คงเห็นทำให้เกิดปัญหาใหญ่มามากต่อมากแล้ว เจ้าหน้าที่ดูแลกิจการท้องถิ่นมองเห็นก่อนแล้วว่ากิจกรรมหลายอย่างไม่ควรกระทำในระหว่างที่มีความเสี่ยงในเรื่องโรคระบาด แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่ใช่กิจธุระของฉัน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานควบคุมโรคระบาดต้องมาจัดการเอง ธุระไม่ใช่ จึงเป็นหนทางแห่งความประมาท เราอยู่ในเรือลำเดียวกันมองเห็นอะไรที่จะทำให้เรือจมก็ช่วยกันก่อน อย่านั่งดูเรือกำลังจะจมเพียง เพราะน้ำกำลังรั่วที่ท้ายเรือ แต่เราอยู่ที่หัวเรือ ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก หากคนที่อยู่ในเรือบางคนสำนึกผิดว่าเรื่องเรือเป็นของฉันเรื่องโดยสารเป็นของแกเลยพอใจกับการที่คนโดยสารนั่งเฉยๆ เห็นอะไรไม่ปกติก็เงียบอย่างเดียว สุดท้ายเรือก็จมไปพร้อมกับทุกคน