โควิดก่อวิกฤติและปกปิดเรื่องสำคัญ

โควิดก่อวิกฤติและปกปิดเรื่องสำคัญ

ข่าวเกี่ยวกับวิกฤติจากไวรัสโควิด-19 ดูจะกลบข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวพื้นฐานในด้านสิ่งแวดล้อมจนแทบหมด

เช่น ข่าวเกี่ยวกับเรื่องอุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ในย่านไซบีเรีย เรื่องวัยรุ่น “เกรตา ธันเบิร์ก” กักตัวอยู่กับบ้านส่งผลให้ต้องหยุดการเคลื่อนไหวแบบเดินทางไปในที่ต่างๆ แต่ก็ยังไม่หยุดออกสื่อเพื่อชักชวนให้ชาวโลกใส่ใจในภาวะโลกร้อน และเรื่องการปลูกป่าเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอาจไม่ได้ผลดังที่มักคาดหวังกันโดยทั่วไป

รายงานระบุว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อุณหภูมิในบางพื้นที่ของไซบีเรียซึ่งอยู่ในเขตอาร์กติกขึ้นสูงถึง 38 องศาเซลเซียสและในเดือนนี้อุณหภูมิในย่านนั้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุณหภูมิของเดือนถึง 18 องศาฯ ความสูงของระดับอุณหภูมินี้ดูจะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มที่ปรากฏมานาน นั่นคือ อุณหภูมิในเขตหนาวเพิ่มขึ้นในอัตราราว 2 เท่าของอุณหภูมิโลกโดยรวม ความร้อนขึ้นของเขตหนาวก่อให้เกิดปัญหาใหญ่หลวง ใน 3 ด้าน ได้แก่ พื้นที่ซึ่งเคยแข็งแบบต่อเนื่องมานานเริ่มคลายความแข็งลงส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซมีเทนถูกปล่อยออกมา ก๊าซเหล่านี้มีผลทำให้โลกร้อนขึ้น นอกจากนั้น มันทำให้น้ำแข็งในเขตหนาวละลายส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นท่วมเกาะและพื้นที่ชายฝั่งซึ่งปริ่มระดับน้ำทะเลอยู่แล้ว พร้อมกับทำให้ไฟป่าในเขตหนาวเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง สร้างผลกระทบหลากหลายต่อไปอีกทอดหนึ่ง

ในการให้สัมภาษณ์แก่สำนักข่าวบีบีซี และการออกรายการวิทยุในสวีเดนในสัปดาห์นี้ เกรตา ธันเบิร์ก พูดถึงหลายเรื่องซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับภาวะโลกร้อนโดยเฉพาะในบริบทของวิกฤติจากไวรัสโควิด-19และความเคลื่อนไหวในด้านการรังเกียจผิว ที่ปะทุออกมาในสหรัฐและแพร่กระจายออกไปในหลายภาคของโลก ประเด็นใหญ่ที่ทำให้เกรตาคิดว่าเราคงแก้ปัญหาที่มาจากภาวะโลกร้อนไม่ได้คือ ผู้นำของประเทศส่วนใหญ่ไม่เข้าใจปัญหา ซ้ำร้ายยังขาดเจตนาที่จะแก้ปัญหาอย่างจริงจังอีกด้วย เกรตามิได้นับถือศาสนาพุทธ แต่พูดถึง 2 ประเด็นนี้ออกมาเนื่องจากเข้าใจดีว่ามันเป็นสัจธรรม นั่นคือ ปัญหาจะแก้ไม่ได้หากไม่ใช้ทั้งปัญญาและสัมมาเจตนาของผู้เกี่ยวข้อง

แม้เมื่อมองดูปัญญาและเจตนาของชนชั้นผู้นำจะทำให้ไร้หวัง แต่เกรตายังพอเห็นแสงสว่างอยู่บ้างเมื่อดูการต่อสู้กับโรคร้ายและการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการรังเกียจผิว ทั้งนี้เพราะเมื่อมองเห็นต้นตอของปัญหา การร่วมมือกันอย่างกว้างขวางของประชาชนที่เกิดขึ้นย่อมแก้ปัญหาได้ อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของเธอน่าจะถูกต่อต้านโดยชาวโลกส่วนใหญ่จนทำให้ไม่สามารถลดภาวะโลกร้อนและปัญหาสารพัดที่ตามมาได้

เกรตาเสนอให้ชาวโลกทำอะไร?

เธอบอกว่าชาวโลกต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิตแบบขุดรากถอนโคนเพื่อลดปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน แม้เธอจะมิได้อธิบายอย่างละเอียด แต่เป็นที่แน่นอนว่าเธอบ่งชี้ไปในแนวที่คอลัมน์นี้พูดถึงบ่อยครั้ง รวมทั้งเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว นั่นคือ การจำกัดการเสพของบุคคลให้อยู่ในกรอบของความพอเพียงซึ่งผู้นำไทยยังไม่เคยนำมาใช้เป็นฐานของนโยบายแม้แนวคิดนี้จะเป็นภูมิปัญญาที่ถือกำเนิดขึ้นมาในเมืองไทยก็ตาม

สำหรับในด้านการปลูกป่า สำนักข่าวบีบีซีเพิ่งนำผลการวิจัย 2 ชิ้นมาสรุปว่า มันมิใช่การแก้ปัญหาโลกร้อนแบบง่ายๆ ดังที่มักคิดกัน ทั้งนี้เพราะ การปลูกป่าด้วยแรงจูงใจด้านการเงินมักนำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและป่าปลูกใหม่มักไม่สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เช่นเดียวกับป่าดั้งเดิม ยิ่งกว่านั้น หากแรงจูงใจนำไปสู่การทำลายป่าดั้งเดิมที่ยังมีอยู่เพื่อปลูกป่าใหม่ด้วยต้นไม้สายพันธุ์เดียว ผลเสียที่ตามมาอาจมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ

นอกจากไวรัสโควิด-19 จะกลบข่าวที่กล่าวถึงแล้ว มันยังสร้างโอกาสให้ผู้นำจำพวกฉ้อฉลฉวยโอกาสทำอะไรๆ อีกได้อีกหลายอย่างด้วยรวมทั้งการใช้งบประมาณแบบเร่งด่วน พร้อมกับการสร้างหนี้โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และการใช้ภาวะฉุกเฉินเพื่อเป้าหมายในด้านการเมืองมากกว่าการแก้ปัญหาจากเชื้อโรคร้าย โดยสรุป ไวรัสโควิดอาจก่อให้เกิดทั้งวิกฤติในด้านสุขภาพและด้านเศรษฐกิจพร้อมกับช่วยปกปิดความฉ้อฉลของคนกุมอำนาจ