พอร์ตทอง ช่วยประคองพอร์ตหุ้น

พอร์ตทอง ช่วยประคองพอร์ตหุ้น

การทยอยคลายล็อคมาตรการป้องกันโควิด19 ตลอด 6-7 สัปดาห์ที่ผ่านมา

อันเนื่องมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อไทยลดลงมาเป็นอย่างมาก ประกอบกับมาตรการการเงินของทั่วโลก ทั้งการลดดอกเบี้ยอย่างทันอกทันใจ บวกการเสริมสภาพคล่อง ทำให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว เกือบเป็น V-Shape เลยทีเดียว

 ณ ระดับ SET Index ที่ 1,418 จุด เป็นการย้อนกลับขึ้นมาประมาณ 2ใน3 ของที่ตกลงไป ขณะนี้ Year to Date(YTD) ผลตอบแทนของตลาดที่รวมปันผลแล้ว อยู่ที่ลบ 8% ใกล้เคียงกับกองทุนอสังหาฯ และREIT

 ขณะที่พอร์ตตลาดหุ้นโลกโดยรวมก็วิ่งขึ้นคืนเกือบทั้งหมด YTD เป็นลบเพียง 1% โดยมีหุ้น NASDAQ นำโด่ง YTD บวกกว่า 10%  ขณะที่ดัชนี S&P500 ลบเพียง 1% ส่วนหุ้นประเทศอื่น ส่วนใหญ่ YTD ยังติดลบ อยู่พอสมควร

 ส่วนพอร์ตกองทุนตราสารหนี้ Rating สูง ค่าโดยรวมมีผลตอบแทน YTD บวก 1% อ้างอิงจาก Benchmark ของสมาคมบลจ.

 ดาวเด่นกลายเป็นทองคำครับในปีนี้  ขึ้นมา 17% สู่ระดับที่ 25,400 บาท ช่วยประคองพอร์ตที่ขาดทุนจากหุ้นไทยและกองREITไปได้เกือบทั้งหมด ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ Rating สูง ที่มีสัดส่วนมากถึง 50% ของพอร์ต ทำผลตอบแทนบ้าง แต่ด้วยสัดส่วนลงทุนเยอะ จึงช่วยเสริมชดเชยที่เหลือได้เกือบทั้งหมด

 จากวันนี้ไป เราควรคิดและประเมินเรื่องใดบ้าง ผมขอสรุปดังนี้

 GDPไตรมาส2 เป็นไตรมาสที่ลบหนักแน่ เพราะผลลบเกือบเต็มไตรมาส แน่นอนว่า ผลกำไรของบริษัทในตลาดหุ้น คงลดหนักอีก กำไรต่อหุ้นของตลาดมีแววว่าจะลดลง จาก 71 บาทขณะนี้ ลงไปเหลือ 60-65 บาทเมื่อนับถึงงบไตรมาส2 ส่งผลให้ P/E ณ ระดับ 1,418 จุด เพิ่มจาก9 เท่า ไปเป็น 22-23 เท่า ซึ่งนับว่าสูงมาก

  • ที่ต่างประเทศการติดเชื้อยังไม่บรรเทา ตัวเลขรายวันขึ้นมาระดับเกินแสนคน แต่ประเด็นที่เกี่ยวกับไทยคือ เรายังต้องกลัวผู้มาจากต่างประเทศเข้าไทยแน่ ดังนั้นภาคท่องเที่ยวน่าจะยังต้องรอก่อน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยคงต้องเลยเถิดไปถึงไตรมาส3
  • ไทยเตรียมคลายล็อคเฟส4 ในอีกไม่กี่วัน ทำให้นักลงทุนคาดว่ากิจกรรมการค้าต่างๆ น่าจะกลับมามากขึ้น ประเด็นที่ทุกคนต้องคิดต่อคือ กิจกรรมทางธุรกิจจะกลับมาเท่าใด สำหรับผมเอง คาดว่าในไตรมาส3 กิจกรรมคงกลับมา 70% ซึ่งผลกำไรบริษัทน่าจะยังเหนื่อยอยู่ เป็นไปได้ว่าฐานรวมกำไรต่อหุ้นถึงไตรมาส3 จะลดอีกครั้ง แปลว่า P/E ณ ไตรมาส3 จะสูงมากๆ
  • ในระหว่างนี้ไปจนถึงพฤศจิกายน เรื่องระดับโลกที่ต้องจับตามอง คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ คุณทรัมป์อาจต้องกำลังแสดงบทบาทแรงๆ เรียกคะแนนจากฐานแฟนคลับ บางทีสงครามการค้า หรือความตึงเครียดข้ามชาติ อาจทำคะแนนให้ทรัมป์ได้ หากดูจากประวัติดั้งเดิมของช่วงใกล้เลือกตั้งสหรัฐ ณ.ระดับราคาหุ้นขณะนี้ ผมคิดว่า ผู้ลงทุนคงต้องจัดสรรพอร์ตใหม่ดังนี้ครับ

    1. หุ้นไทยและโลก รวมทั้งกองทุนอสังหาและREIT จากเดิมที่รวมกัน 40% คงต้องลดเหลือ25% โดยให้หุ้นไทย 15% หุ้นโลก 10% และไม่มีกองทุนอสังหาและREIT

    2.ทองคำ วงจรการขึ้นของราคาทองคำ ยังเป็นความหวังได้ เมื่อประเมินจากสภาพเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่อีกนาน และแม้จะฟื้นในปลายปี คงเป็นการฟื้นเพียงบางส่วน การลงทุนในทองคำน่าจะต้องขยับจาก 10%เป็น 15% ของพอร์ตระยะยาวครับ

    3.กองทุนตราสารหนี้ที่มี Rating สูง แม้จะมีความคาดหวังผลตอบแทนไม่สูง แต่เป็นตราสารที่เสี่ยงต่ำ ทั้งนี้ควรเป็นกองที่เน้นพันธบัตรรัฐบาลหรือธปท.

    ท้ายนี้ ขอแนะนำคุณผู้อ่านเข้าสู่ยุค New normal ของการเรียนรู้ทางออนไลน์เรื่อง “การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนเพื่อบรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว” ที่สมาคมนักวิเคราะห์ฯ คัดสรรวิทยากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผศ. ดร. บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ วิทยากรผู้บรรยายให้ความรู้ หลักสูตรพัฒนาความรู้นักวิเคราะห์การลงทุน ของสมาคมนักวิเคราะห์ และนักเศรษฐศาสตร์ ผู้เขียนคอลัมน์ "มุมคิดมหภาค" ในกรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน 2563   เวลา 10.0012.00 น. ราคา 1,498 บาท สอบถามข้อมูลโทร. 02-009-9292 ต่อ 3716, 3717