ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมไทยในยุคการเปลี่ยนแปลง
จากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและสังคม ทั้งก่อนและหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่ภาคอุตสาหกรรมอาจไม่ทันตั้งตัว
บางกิจการมีความตื่นตัวมาก่อนก็มีกำลังพอที่จะปรับตัว แต่บางกิจการตั้งรับไม่ทันจนเกิดความเสียหายยากที่จะฟื้นตัวได้ง่ายๆ
การดำเนินงานอย่างสมดุลและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็นสิ่งที่ต้องกลับมาทบทวนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะความสมดุลทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เอื้อต่อการคงอยู่ของเมือง ชนบท เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมเชิงนิเวศมุ่งเน้นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บนฐานของการใช้ทรัพยากรน้ำ พลังงาน และเกษตรที่มั่นคง ซึ่งเป็นไปตามหลักเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่มักถูกละเลย
นอกจากนี้ ยังต้องทบทวนเรื่องความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ในแง่ขององค์ความรู้ การจัดการข้อมูล และการใช้เทคโนโลยีที่สอดคล้องกับยุคสมัย
การที่ภาคอุตสาหกรรมจะมุ่งสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กันนั้น ควรครอบคลุมถึงภาคเกษตรกรรมซึ่งต้องปรับรูปแบบมาเป็นเกษตรแบบผสมผสานและยั่งยืนเพื่อให้เกิดความมั่นคงของภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ
ส่วนการพัฒนาระบบการดำเนินงานนั้น ควรเลือกใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดทำฐานข้อมูลประเมินวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เพื่อเปรียบเทียบค่าผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะต่างๆ และนำมาปรับปรุงการดำเนินงานไม่ให้ส่งกระทบต่อระบบนิเวศหรือส่งผลน้อยที่สุด อันจะนำไปสู่การผลิตที่มีคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมสีเขียว และนำไปสู่การส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน สร้างมูลค่าและประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในท้องถิ่นและสังคมโดยรวม
การพัฒนาอุตสาหกรรมตามหลักเศรษฐกิจสีเขียวที่คำนึงถึงความสมดุลนั้น ต้องมีการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและคุ้มค่า จัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพและตระหนักถึงคุณค่าในการนำกลับมาใช้ใหม่ ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนกระจายความมั่นคงไปยังภาคส่วนต่าง ๆ ตลอดห่วงโซ่การผลิตอย่างทั่วถึง จึงจะเกิดความยั่งยืนขึ้นได้
โดย...
เสาวนีย์ บุญเชียงมา
ฝ่ายส่งเสริมการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน
สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย