‘วีดิโอคอนเทนท์’ ช่วยบุกตลาดออนไลน์จีน

‘วีดิโอคอนเทนท์’ ช่วยบุกตลาดออนไลน์จีน

ทุกวันนี้คอนเทนท์รูปแบบวีดิโอเป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้การเข้าถึงผู้บริโภคทำได้ดีมากขึ้น

รวมไปถึงการใช้วีดิโอคอนเทนท์ช่วยบุกตลาดจีนออนไลน์ทางแอพ “วีแชท” เมื่อเทียบกับการทำเนื้อหาด้วยข้อเขียนทั่วไปที่อาจจะไม่ดึงดูดเท่าใดนัก

ข้อมูลเรื่องหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจสำหรับ วีแชท ในจีนช่วงนี้ก็คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบของคอนเทนท์ บนวีแชท ที่พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคกำลังให้ความสนใจ วีดิโอคอนเทนท์ มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ลักษณะของ Article หรือบทความ กำลังมีสัดส่วนน้อยลง

สำหรับการนำไปใช้ที่เหมาะสม จากการวิเคราะห์ข้อมูลโดยสื่อในประเทศจีนพบว่า แบรนด์ต่างๆ พยายามที่จะทำคอนเทนท์ให้โดนใจมากกว่าข้อเขียนทั่วไป โดยในเวลานี้ กลยุทธ์พื้นฐานแต่ได้ผลดีแล้วเริ่มใช้กันอย่างได้ผลมากก็คือ การผลิตและสร้างสรรค์เนื้อหาหรือสร้างคอนเทนท์ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ร่วมสำหรับผู้คนในวงกว้างหรือกับเฉพาะกลุ่มได้ ต้องไม่เป็นเรื่องราวไกลตัวเกินไป แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับปัญหาสังคม แนวคิดเชิงบวก ข้อควรระวัง ไปจนถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ

รายงานของ Jingdailly ระบุว่า ผู้ใช้ วีแชท เกือบ 50% จากทั่วประเทศจีน มีความเชื่อถือต่อเนื้อหา คอนเทนท์ ที่มีการแชร์กันผ่าน วีแชท แต่ผู้ใช้เองก็จะค่อนข้างเบื่อได้ง่ายกับเนื้อหาที่แชร์กันมาด้วยเรื่องเดิมๆ แล้วพบว่าไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หรือข้อมูลที่พวกเขารู้สึกว่าไม่ได้มีประโยชน์หรืออยากรู้มากนัก

งานวิจัยยังระบุอีกว่า คลิปวีดิโอขนาดสั้นสามารถช่วยกระตุ้นความน่าสนใจให้ผู้ใช้บริการได้ดีมาก เพราะด้วยความที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ดูมีชีวิต แล้วยังสามารถแชร์เป็นภาพเคลื่อนไหว GIF ก็ได้ เพราะจะสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ดีโดยเฉพาะกับกลุ่มธุรกิจด้านอาหาร บันเทิง ฯลฯ

กล่าวได้ว่า วีดิโอคอนเทนท์กำลังมาแรง จากข้อมูลของ Jingdaily คอนเทนท์ รูปแบบเดิมๆ อาจจะไม่ได้เป็นพระเจ้าใน วีแชท อีกเหมือนที่เป็นมา เพราะในเวลานี้เกิด “สงคราม คอนเทนท์” ที่ผลิตขึ้นโดยแพลตฟอร์มต่างๆ หลากหลายรูปแบบ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเองสูงขึ้นเรื่อยๆ 

นั่นทำให้คอนเทนท์ที่เป็นข้อเขียนแบบเดิมเริ่มมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น และในวีแชทเองก็มีจำนวนลดน้อยลงอย่างชัดเจน ซึ่งมีการรายงานว่า กลุ่มบทความในวีแชทมีสัดส่วนลดลง จากเดิมเคยมีอยู่ที่ 17% เหลือเพียง 6% เท่านั้น นับตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมา

ส่วนสาเหตุที่สัดส่วนของคอนเทนท์บนวีแชทลดลงนั้น มีการสำรวจพบว่าอันดับต้นๆ คือ เป็นเรื่องยากที่จะค้นหาคอนเทนท์บนวีแชท” หรือก็คือการอ่านบทความคอนเทนท์ ที่มีเนื้อหาขนาดกลางและขนาดยาวนั้นใช้เวลามาก อีกทั้งบางเรื่องก็ไม่ใช่ประเด็นที่คนอ่านสนใจด้วย ในทางตรงกันข้าม คลิปวีดิโอสั้นๆ ที่มีเวลาเพียงแค่ 1-3 นาที สามารถดึงดูความสนใจได้มากกว่า เรื่องนี้จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการรับข้อมูลไป

อีกประเด็นที่ขาดไม้ได้คือการใช้ "KOL (key opinion leaders)" ช่วยในการประชาสัมพันธ์ โดยพบว่าเคโอแอลจะสามารถทำวีดิโอคอนเทนท์ได้ง่ายกว่า ถ้าเปรียบเทียบกับการเขียนบทความ เพราะไม่ใช่เคโอแอลทุกคนที่มีทักษะการเขียนที่ดีนัก แต่โดยธรรมชาติแล้วหลายคนจะต้องอาศัยหน้าตา รูปร่าง และความสามารถในการพูด หรือกระทั่งร้องเพลง เป็นตัวสร้างยอด ผู้ติดตาม(Follower) ซึ่งคนจีนเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้พอสมควร

ดังนั้นการทำตลาดด้วยรูปแบบไลฟ์สด หรือวีดิโอ จึงเป็นรูปแบบที่เคโอแอลนิยมใช้มากกว่า ที่สำคัญคือสินค้าหลายประเภท ต้องการสาธิตหรือเกิดการมีประสบการณ์ร่วม โดยเฉพาะกลุ่มสกินแคร์ Luxury เครื่องสำอาง เป็นต้น รวมถึงการนำมาบูสเพื่อใช้โฆษณาด้วย ที่สำคัญคือ สามารถปรับลูกเล่น ให้มีชีวิตชีวาได้มากกว่าแค่การเขียนเท่านั้น

มีตัวอย่างเคสของแบรนด์ YSL (Yves Saint Laurent) ซึ่งเป็นแบรนด์ Luxury ของฝรั่งเศสที่รู้จักกันดี ได้มีการปล่อยแคมเปญโฆษณาเกี่ยวกับ “โรงแรม” โดยร่วมกับทางพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เซียงไฮ้เมื่อปลายปี 2561 ซึ่งก็ใช้การทำคลิปและวีดิโอเพื่อโปรโมท โชว์ภาพของภายในโรงแรม และบริการต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่นสปา ซึ่งภายในนั้นจะมีการใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์รุ่นใหม่ๆ ด้วย

การทำคลิปเป็นลักษณะของเอ็มวีประกอบเพลง แล้วเผยแพร่บน วีแชท ซึ่งผู้สนใจที่กดคลิปเข้าไปก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดอื่นๆ ได้ และยังมีมินิเกมให้เล่นระหว่างรอข้อมูลด้วย แล้วในระหว่างการทำอีเว้นท์ ผู้ใช้บริการยังสามารถเข้าไปดูลิปสติกตัวใหม่ของแบรนด์ YSL แล้วมีปุ่มให้เลือกพรีออเดอร์ได้อีกต่างหาก หลังจากอีเวนท์แล้ว ผู้ใช้งานก็จะถูกไดเร็คให้เข้าไปที่แพลตฟอร์มของวีแชท เพื่อสามารถสั่งซื้อได้ และมีโอกาสรับรางวัลสมนาคุณด้วย 

รูปแบบของการทำวีดิโอคอนเทนท์จึงได้รับความนิยมและมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และคาดว่าอาจจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้สำหรับวีแชท