หนึ่งงาน พันเหตุผล : ยกระดับประเทศไทย (1)

หนึ่งงาน พันเหตุผล : ยกระดับประเทศไทย (1)

เมื่อครั้งที่ผู้เขียนศึกษาอยู่ในต่างประเทศหรือในเวลาที่เดินทางไปประเทศอื่นๆ มักมีข้อสงสัยอยู่เสมอว่า

เหตุใดบางประเทศจึงมีอยู่หลายเมืองที่ถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่และสำคัญ ซึ่งประชากรจากเมืองนั้นๆ ที่ได้ไปศึกษาเล่าเรียนหรือพำนักในเมืองอื่นเพื่อทำงานในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มักสะดวกใจที่จะกลับไปยังเมืองถิ่นกำเนิดดังกล่าวเพื่อตั้งถิ่นฐานหลังจากที่เสร็จสิ้นการศึกษาหรือการทำงาน ไม่เหมือนกับประเทศไทยที่ประชากรจากต่างจังหวัดในยุคที่ผ่านมา มักจะมากระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองหลวง โดยหวังที่จะกลับไปเมืองเกิดก็เพียงในบั้นปลายชีวิต เมื่อพร้อม

อาจด้วยเหตุว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสีสัน สาธารณูปโภคที่ค่อนข้างครบครัน หรืออาจเป็นเหตุผลที่การทำงานในเมืองกรุง นำมาซึ่งเงิน ความก้าวหน้าหาเงินเลี้ยงชีพได้หลายชีวิต และได้ทำงานตามสาขาวิชาที่เรียนมา หรือด้วยเหตุใดก็ตาม จากการที่ผู้เขียนได้ถามไถ่ผู้คนที่เดิมอยู่ต่างจังหวัดและมาทำงานบริการ (service sector) ในกรุงเทพฯ คำตอบมักเป็นว่าอยู่กรุงเทพฯ เหนื่อย เป็นหนี้ ค่าครองชีพสูง งานแย่งกันทำ การเดินทางแออัด พื้นที่แย่งกันอยู่… 

แต่หากกลับต่างจังหวัดแล้ว จะมีเพียงไม่กี่งานที่จะทำงาน และเมื่อถามต่อว่าถ้าเลือกได้ตามจริงอยากอยู่ที่ใด ก็มักจะได้คำตอบว่า ถ้าแม้ได้เงินเท่ากันหรือน้อยกว่านิดๆ ก็อยากจะกลับบ้าน เพราะทุกวันนี้ไม่ได้อยู่กับครอบครัว เงินโอนกลับต่างจังหวัดส่งลูกเรียน หรือใช้หนี้แทนพ่อแม่ มีเงินเมื่อไหร่ก็จะกลับ แต่ก็ไม่ทราบว่าจะมีหนทางใด จะเลือกได้หรือ? เพราะแค่ค่าเช่าห้อง ค่าอาหาร และค่าหนี้อะไรต่อมิอะไรก็แทบจะหมดไปแล้ว ไม่มีทางได้กลับไปอยู่พร้อมหน้าสักที รู้สึกเหมือนเป็นหนูติดกับอยู่ในเมืองหลวง หมดไปแม้กระทั่ง "กำลังใจ" 

ที่กล่าวมานี้เป็นกลุ่มหนึ่งของสังคม แต่ก็สะท้อนอะไรบางอย่าง ประกอบกับในปัจจุบันมีอีกหลายกลุ่มที่รอคอยหนึ่งงานที่ใช่สำหรับเขา ด้วยหลากหลายเหตุผล เช่น กลุ่มคนชราวัยเกษียณที่เสี่ยงกลายเป็นโรคซึมเศร้ารอคอยงานที่จะให้ความรู้สึกที่มีคุณค่าและสุขภาพจิตที่ดีที่มากับงาน กลุ่มสตรีที่ต้องใช้เวลาดูแลครอบครัวรอคอยงานที่ได้เงินแต่ก็ให้เวลาเลี้ยงลูกกับเธอ หรือเด็กนักเรียนนักศึกษาที่ต้องดูแลพ่อแม่ในสังคมผู้สูงอายุ (ageing society) ก็รอคอยงานที่สามารถให้เวลาเรียนไปด้วยและปลอดภัยที่จะทำ โดยผู้เขียนสังเกตว่านอกจากงานประจำแล้ว กลุ่มเฉพาะเหล่านี้ยังต้องการช่องทางการหางานเสริมหรืองานพาร์ทไทม์ (Part-time Jobs) ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ชีวิตในแต่ละช่วงชีวิตอีกด้วย ติดก็แต่ยังไม่มีระบบรวมศูนย์กลางที่เป็นเสมือนตลาดแพลตฟอร์มการหางานที่ได้รับการรับรองข้อมูลและความปลอดภัยโดยภาครัฐ

ในมุมมองของผู้เขียนเอง ประเทศไทยมีอีก 76 จังหวัด โดยแต่ละจังหวัดมีพื้นที่และมีศักยภาพมากมายที่จะให้ผู้คนอยู่ได้อย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ใช่แค่เรื่องรายได้หรือการเงิน หากแต่หมายถึงอากาศบริสุทธิ์ การได้สานต่อเอกลักษณ์ท้องถิ่นของบ้านเกิด หรือแม้กระทั่งการได้อยู่ดูแลพ่อแม่ด้วยตัวเองและไม่ใช่แค่โอนเงิน

หากเพียงแต่มี 1.ระบบการสร้างงานและจัดหางานที่ตอบสนองกับความต้องการเฉพาะตัวในแต่ละกลุ่มอย่างชัดเจน 2.การพัฒนาความเชื่อมั่นในระบบการจัดหางาน และความคิดความสามารถของทรัพยากรบุคคล และ 3.การพัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่นให้เป็นที่ชัดเจน เพื่อที่การเรียน การสอน และการฝึกงานจะสร้างคนที่สามารถเข้ากับลักษณะงานและความเป็นอยู่ของท้องถิ่น 

ผู้เขียนเชื่อว่าการจัดให้มีระบบแพลตฟอร์มการสร้างและจัดหางานที่ตอบสนองกับความต้องการเฉพาะตัวในแต่ละกลุ่มดังที่กล่าวไปในข้างต้นนี้ สามารถเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในภาครัฐและเอกชน โดยภาครัฐมีข้อมูลของประชากรในประเทศที่เป็นทรัพยากรบุคคลและข้อมูลอุตสาหกรรมต่างที่ต้องการแรงงานที่ค่อนข้างครบถ้วน ส่วนบริษัทเอกชนก็มีความเชี่ยวชาญในแง่เครื่องมือและเทคโนโลยีการจัดหางาน

โดย...

สโรบล ศุภผลศิริ 

ผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรผู้บริหารนิติธรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รุ่นที่ 1

สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย