ปลูกผักในที่อยู่อาศัย เมกะเทรนด์อนาคต

ปลูกผักในที่อยู่อาศัย เมกะเทรนด์อนาคต

แนวโน้มการใช้ชีวิตแบบวิถีของคนเมือง มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ซึ่งทางสหประชาชาติได้คาดการณ์ว่าในปี 2563 จะเพิ่มขึ้นถึง 60%

โดยในไทยเองก็มีการใช้ชีวิตแบบเมืองเพิ่มขึ้นกัน ประกอบกับการเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เราจะเห็นว่าเทรนด์ด้านการดูแลสุขภาพยังคงได้รับความนิยม แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงมากมายแต่เทรนด์ด้านการดูแลสุขภาพโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอาหารการกินนั้นเป็นเมกะเทรนด์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 

สำหรับปี 2563 ข้อมูลจาก Food&HotelAsia ระบุว่า เทรนด์ด้านธรรมชาติและสุขภาพ จะเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความสนใจในปีหน้า เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญและได้รับความนิยมมากขึ้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผู้บริโภคเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งปรุงจากวัตถุดิบที่สดใหม่ หาได้ในท้องถิ่น ไม่มีสารปรุงแต่งทางเคมี จะเห็นได้จากชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ต้องแยกชั้นของสินค้าออแกนิกส์โดยเฉพาะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภค ซึ่งในส่วนของสินค้าออแกนิกส์ในไทยนั้นภาครัฐได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2564 จะมีมูลค่าพุ่งสูงถึง 5,400 ล้านบาท และสินค้าออแกนิกส์ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มอาหารสดประเภทผักและผลไม้

สำหรับวงการอสังหาริมทรัพย์ก็มีผลการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่น่าสนใจ เช่น งานวิจัยจากศูนย์วิจัยบารามีซี่ แล็บ เรื่อง Xperience Design Future Trend 2019 – 2020 โดยเกี่ยวข้องกับแวดวงอสังหาฯ มีการนำเสนอเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในหลายด้าน เช่น การบริหารพื้นที่ในการใช้ชีวิตให้เหมาะสมกับคนหลายเจเนอเรชั่นในบ้าน (Interlock life) การใช้เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพอย่างการนอนและการออกกำลังกาย (Well-living tech) การใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริการเกี่ยวกับการอยู่อาศัย เช่น การซ่อมบ้าน การทำความสะอาดบ้าน 

และสิ่งสำคัญที่ทางศูนย์วิจัยบารามี่ซี่ แล็บ นำเสนอคือเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตได้ด้วยตนเอง (Self-Energerate) อย่างการปลูกผักเพื่อบริโภคด้วยตัวเอง การผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เอง นอกจากนี้เทรนด์การสร้างบ้านปีหน้าก็มีกระแสการหวนคืนสู่ธรรมชาติซึ่งกำลังมาแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากคนในยุคปัจจุบันรักสุขภาพและรักธรรมชาติกันมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการปลูกผักในที่อยู่อาศัยไม่ได้จำกัดเฉพาะบ้านหรือทาวน์โฮมเท่านั้น แต่สำหรับคนเมืองที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมที่ต้องการจะปลูกผักด้วยตนเองแต่มีพื้นที่จำกัด ปัจจุบันก็มีนวัตกรรมมากมายที่จะช่วยให้การปลูกผักสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น

  1. แอพพลิเคชั่น “Foop” (มาจากคำว่า Food และ People)เทคโนโลยีที่ช่วยให้เราปลูกผักได้โดยใช้สมาร์ทโฟนเป็นตัวควบคุม ซึ่ง Foop ประกอบไปด้วยชุดอุปกรณ์การปลูกผักแบบใช้น้ำ เป็นสวนผักเล็กๆ ที่เหมาะกับคนเมือง ปลูกได้ทั้งผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง โหระพา ฯลฯ จุดเด่นของ Foop นอกจากจะปลูกผักได้แล้ว ยังแจ้งเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการเจริญเติบโตของผัก รวมถึงแจ้งเตือนเรื่องอุณหภูมิ ความชื้น ระดับแสงสว่าง และน้ำ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งไปที่สมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น Foop อีกด้วย
  2. โปรเจคสวนแห่งอนาคตชื่อ Garden will save the world โดยบริษัท Flatpack ซึ่งนำเสนอแสดงวิธีการปลูกผักในที่ร่มโดยไม่ต้องมีแสงธรรมชาติหรือดิน โดยการใช้ไฟ LED สีแดงที่กินไฟน้อยและให้ความยาวคลื่นแสงที่มีประโยชน์มากที่สุดให้พืชเจริญเติบโต ประกอบกับการใช้น้ำปลูกแบบเทคนิคไฮโดรโพนิกส์
  3. OGarden ที่เป็นเหมือนฟาร์มในร่มขนาดย่อมที่มีระบบการให้น้ำและควบคุมแสงแบบอัตโนมัติมีช่องปลูกผักถึง 60 ช่อง และมีตู้สำหรับเก็บต้นอ่อนได้อีก 30 ต้น ซึ่งทาง OGarden ระบุว่าการปลูกผักรูปแบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อผักที่ร้านค้าได้ถึง 80% 

เทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง การปรับตัวของผู้ประกอบการโดยเฉพาะด้านธุรกิจที่อยู่อาศัยจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะการเลือกที่อยู่อาศัยไม่ได้จำกัดเพียงเรื่องทำเลและราคาเท่านั้น แต่บริการหลังการขายที่ตอบโจทย์ความต้องการและรองรับเทรนด์ในอนาคตก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันครับ