พื้นฐานของการนำองค์กรที่ดี

พื้นฐานของการนำองค์กรที่ดี

ผู้นำที่มีพื้นฐานการนำองค์กรที่ดี สามารถสร้างความสำเร็จได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าดั่งเดิมจะย่ำแย่แค่ไหนก็ตาม

ถ้าบอกว่าสาธารณรัฐรวันดาเป็นประเทศที่สามารถผลิตสมารท์โฟนได้ด้วยตนเองในวันนี้ เป็นสถานที่จัดประชุมการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล ของแอฟริกา เป็นประเทศที่มีระบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิผล มากกว่าบางประเทศที่มีกระทรวงชื่อดิจิทัล มีเครือข่ายไฟเบอร์ออฟติกระยะทางรวมหลายพันกิโลเมตรภายในประเทศ มีผู้ประกอบการดิจิทัลที่มีลูกค้าทั่วแอฟริกามากกว่าสิบล้านคน มีมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐมาเปิดสอนดิจิทัลในประเทศ และมีเศรษฐกิจที่เติบโตมากกว่า 8% ต่อปี มาอย่างต่อเนื่องเกือบ 20 ปี คงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับหลายท่าน ที่เคยจดจำว่าเคยมีเหตุการณ์ฆ่าแกงกันขนานใหญ่ เพียงแค่จากการปลุกระดมของผู้นำในสมัยนั้นให้ผู้คนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนฆ่ากันตายไปเกือบ 8 แสนคน เมื่อ 25 ปีก่อน

ไม่ว่าจะมีต้นทุนดั่งเดิมดีแค่ไหน ถ้าปราศจากการนำองค์กรอย่างมีประสิทธิผล ต้นทุนมากมายนั้นก็ไม่มีฤิทธิ์เดชอะไรเลย ในทางตรงข้าม ไม่ว่าจะยับเยินแค่ไหน หากมีการนำองค์กรที่มีประสิทธิผล ความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนก็บังเกิดขึ้นได้

แค่ไหนจึงเรียกได้ว่ามีการนำองค์กรที่ดี หนึ่งเริ่มจากผู้นำระดับสูงต้องมีวิสัยทัศน์ มองเห็นว่าวันหน้าความสำเร็จขององค์กรจะอยู่ตรงไหน ภายใต้บริบทที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่อนาคต โดยรู้ด้วยว่าที่หมายใดในอนาคต เป็นที่หมายอนาคตที่สอดคล้องกับตัวตนที่แท้จริงขององค์กรนั้น ที่หมายใดในอนาคตจะสร้างความสำเร็จใหญ่ๆ ให้กับองค์กรได้ ซึ่งไม่ง่ายนักที่จะพบเจอผู้นำที่มีความสามารถนี้อย่างแท้จริง มักพบเจอแต่ผู้นำที่วาดวิมานในอากาศ ถ้าองค์กรนั้นเปรียบเหมือนต้นมะม่วง แทนที่จะกำหนดที่หมายในอนาคตให้เป็นมะม่วงสุกคุณภาพดีเด่นเพื่อการส่งออก กลับไปบอกว่าจะเป็นแอปเปิลทดแทนการนำเข้า คืออยากให้ต้นมะม่วงออกลูกเป็นแอปเปิล ซึ่งถ้านำทางอย่างผิดเพี้ยนไปไกลแบบนี้ และสะกดจิตทั้งตนเอง ทั้งสาวก ให้เชื่ออย่างหน้าตาเฉยว่าจะเกิดขึ้นได้จริง ทรัพยากรที่มีอยู่จะถูกใช้อย่างหลงทิศทาง ความก้าวหน้าจึงไม่มีทางเกิดขึ้นใครอยากเป็นผู้นำที่มีพื้นฐานที่ดีในการนำองค์กร ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ต้นมะม่วงไม่มีวันออกลูกเป็นแอปเปิลได้

เมื่อผู้นำมองเห็นที่หมายในอนาคตที่เหมาะสมกับองค์กรแล้ว ต้องสื่อสารที่หมายอนาคตนั้นไปสู่บุคลากร สื่อสารไปให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่าที่หมายอนาคตที่ต้องการไปให้ถึงได้นั้น มีรูปธรรมเป็นอย่างไร ถ้าองค์กรเป็นต้นมะม่วง ก็ต้องสื่อสารกันให้ชัดเจนว่า องค์กรนั้นจะเป็นต้นมะม่วงที่ออกลูกเป็นมะม่วงสุก คุณภาพดี ที่ส่งไปขายบ้านอื่นเมืองอื่นได้ ต้องซักซ้อมความเข้าใจกันให้ชัดเจนว่าที่บอกว่าสุกนั้น สุกแค่ไหน คุณภาพดี แปลว่าอะไร แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่าความเข้าใจที่ตรงกันในเรื่องที่หมายในอนาคต คือผู้นำต้องสร้างศรัทธาในหมู่บุคลากรร่วมงานว่า เมื่อไปถึงที่หมายอนาคตนั้นแล้ว ทุกคนจะได้ดีด้วยกัน จะมากบ้างน้อยบ้างก็สุดแต่บทบาทหน้าที่ของแต่ละคน ถ้าแค่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ใจไม่เชื่อว่าไปถึงแล้วจะได้อะไรขึ้นมา ที่หมายนั้นย่อมไร้ประโยชน์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุ่มเททำงานให้ไปถึงที่หมายอนาคตนั้นให้ได้ อยากเป็นผู้นำที่นำองค์กรอย่างมีพื้นฐานที่ดี ต้องระลึกไว้เสมอว่า การเดินทางสู่ที่หมายอนาคตนั้น ต้องเดินหน้าไปพร้อมกับได้ใจบุคลากรด้วย อย่าคิดแต่จะบังคับให้เชื่อ และบัญชาให้ทำตามที่ฉันบอก

เมื่อเป็นงานใหญ่และที่หมายอนาคตที่อยู่ไกล บุคลากรอาจจับต้นชนปลายไม่ได้ว่า งานไหนต้องทำก่อน งานไหนสำคัญ จึงเป็นหน้าที่ของผู้นำที่ต้องคอยบอกกล่าวในเรื่องนี้ อยากได้มะม่วงสุกส่งออก ก็ต้องบอกว่าให้ใส่ปุ่ยอะไร รดนำ้มากแค่ไหน จะเก็บลูกมะม่วงกันในตอนไหน ถ้าอยากนำองค์กรอย่างมีพื้นฐานที่ดี ผู้นำต้องเป็นคนเคาะจังหวะให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้ทำงานให้ไปถึงที่หมายอนาคตนั้นได้

อย่าเป็นผู้นำที่ประกาศที่หมายอนาคตแบบกระจัดกระจาย อยากจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องว่าเส้นชัยอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าจะเริ่มทำอะไรก่อน