วิกฤติ2020

วิกฤติ2020

ด้วยความก้าวหน้าทางประสาทวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านการรับรู้และพฤติกรรม (Cognitive and Behavioral Neuroscience)

ทำให้เราเข้าใจองค์ประกอบและการทำงานของสมองมนุษย์มากขึ้น แท้จริงแล้ว สมองไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มีจุดอ่อนแฝงเร้นอยู่ จุดอ่อนนั้นคือ “อคติ” ทั้งหลาย

อคติสำคัญคือเชื่อในสิ่งที่ตรงกับความคิดตัวเอง (Confirmation Bias) มันทำให้ตา หู และสมองถูกปิดกั้น จนถึงขั้นปฏิเสธข้อเท็จจริงอื่น ๆ ที่ไม่ตรงกับใจตน ถ้าอคตินี้ฝังลึกหรือแรงมาก จะกลายเป็นยึดมั่นถือมั่น ใจแคบ หรือหลงงมงายไป วิธีแก้ไขมิใช่หลอกตัวเองว่าไม่มี แต่ให้ยอมรับว่ามี (เพราะมันอยู่ใน DNA ของมนุษยชาติ) หมั่นทดสอบความคิดและท้าทายความเชื่อของตัวเองเสมอ พร้อมเปิดใจกว้างเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ก็จะสามารถหลบเลี่ยงจุดอ่อนนี้

ในโลกปัจจุบันที่ซับซ้อนมากมาย ถ้าก้าวข้ามอคติไปได้ เราจะไม่ตกอยู่ในหมอกควันและภาพลวงตาจากบรรดาข้อมูลข่าวสาร โลกจะกระจ่างชัดเจนขึ้น ที่ดีมากคือมีพื้นที่หัวใจและสมองเหลือพอจะรับสิ่งต่าง ๆ และถ้าต้องการมองไกลไปถึงอนาคต โหราศาสตร์คือเครื่องมือสำคัญที่มิอาจมองข้าม

แม้เป็นศาสตร์โบราณที่กำเนิดและสืบทอดพัฒนากันมากว่า 7,000 ปี แต่วิธีคิดของโหราศาสตร์ทันสมัยกว่าศาสตร์ปัจจุบันเสียอีก เพราะโหราศาสตร์มองตรงไปที่อนาคต ต่างจากศาสตร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่เน้นการวิเคราะห์อดีต โดยเชื่อว่าอดีตคือเส้นตรงที่เชื่อมต่อไปยังอนาคต ไม่มีใครขับรถไปข้างหน้าได้ด้วยการมองที่กระจกหลัง ดังนั้น โหราศาสตร์ควรมีประสิทธิภาพสูงกว่าด้วยซ้ำ

โหราศาสตร์เป็นศาสตร์แห่งสถิติมิใช่หรือ ? โหราศาสตร์กำเนิดจากสถิติที่สั่งสมกันมานับพันปี ไม่ต่างจากแพทย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ฯลฯ แต่ตัวมันเองไม่ใช่วิชาแห่งสถิติ เพราะมิได้หยุดแค่บันทึกประมวลผล โหราศาสตร์ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างจักรวาลกับโลกมนุษย์ต่างหาก สถิติช่วยให้ทำนาย “เข้าเป้า” และรวดเร็วขึ้นเท่านั้น

การทำนายอนาคตต้องบอก 2 เรื่องคือ จะเกิดอะไรและเมื่อไหร่ ศาสตร์ทั่วไปใช้ข้อมูลอดีตมาวิเคราะห์เพื่อทำนายเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ แล้วค่อยทำนายช่วงเวลาที่น่าจะเกิด โหราศาสตร์กลับตรงกันข้าม คำนวณช่วงเวลาที่โอกาสเกิดเหตุสูงสุดได้ก่อน แล้วค่อยแปลความหมายดาว-ภพ-ราศีเพื่อทำนายเหตุการณ์ เมื่อรู้เวลาล่วงหน้า ย่อมประเมินทิศทางและน้ำหนักของสถานการณ์ปัจจุบันได้ว่า จะเป็นอย่างไรเมื่อไปถึงจุดนั้น จึงตีกรอบและทำนายเหตุการณ์ได้ตรงกว่า

คนรุ่นใหม่ที่หัวก้าวหน้า เช่น วิศวกร นักวิเคราะห์หุ้น ฯลฯ จึงหันมาเรียนโหราศาสตร์และใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และวางแผนฉากทัศน์ (Scenario Analysis & Planning) เพื่อสร้างกลยุทธ์ทั้งระดับส่วนตัว ครอบครัว องค์กร และประเทศ

ศาสตร์โหราแบ่งดวงเมืองกับดวงคน ดวงเมืองมีมิติเรื่องราวซับซ้อนกว่าดวงคน เทคนิคมาตรฐาน เช่น “ดาวจร” เพียงพอสำหรับทำนายดวงคน แต่ดวงเมืองต้องการมากกว่านั้น พฤหัสเสาร์ราหูจรราศีละ 1 – 3 ปี จึงทำนายได้แค่ช่วงสั้นและมักแกว่งขึ้นลง ถ้าอยากเห็นภาพใหญ่หรือแนวโน้มระดับโลก ต้องใช้ วัฏจักรดาวเท่านั้น

เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา ผู้เขียนวิเคราะห์ทำนายแนวโน้มระดับโลกหลายประการ เช่น ทรัมป์กับความเสื่อมของอเมริกา สงครามการค้าอเมริกาจีน เบร็กซิทอังกฤษอียู ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ฯลฯ รวมถึงสถานการณ์ในประเทศ เช่น ยุคที่ 9 ของการเมืองไทย ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ นโยบายประชานิยม หนี้ภาคครัวเรือน ฯลฯ ถึงวันนี้ เรื่องราวหนักหนาสาหัสมาก ความกังวลถึงวิกฤติโลกและไทยแพร่กระจายไปทั่ว

มองในมุมโหราศาสตร์ วิกฤติเศรษฐกิจโลกหลีกเลี่ยงได้ยาก นายธนาคารกลางและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากเชื่อว่า ถ้าป้องกันปัญหาล่วงหน้าอย่างตรงจุดหรือแก้ไขได้รวดเร็วก่อนลุกลาม วิกฤติจะไม่เกิดขึ้น ประเด็นคือไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงล่วงหน้า เวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน โจทย์ย่อมเปลี่ยนไปด้วย การยึดติดกับคำตอบเดิมไม่ช่วยอะไรและทำให้หลงทาง เรารู้ว่าเป็นวิกฤติเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น

ในเมืองไทย เรามั่นใจว่าไม่เกิดวิกฤติแน่ เพราะเงินทุนสำรองมีเยอะ คิดอย่างนี้แสดงว่าประมาท ไม่รู้ตัวว่าโจทย์เปลี่ยนตลอดเวลา มัวแต่ยึดคำตอบเดิม วิกฤติปี 2540 เปรียบเหมือนสโตรคที่สมอง ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน จากนั้นให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง แต่ครั้งต่อไปเป็นวิกฤติเชิงโครงสร้าง เสมือนมะเร็งระยะที่ 3 ซึ่งต้องรักษาอีกแบบ ทุนสำรองเยอะอาจไม่ช่วยอะไร เหมือนปริมาณน้ำมันสำรองสูงสุดในโลกก็ไม่อาจช่วยเหลือเวเนซุเอลา อย่าลืมว่า ทุกวิกฤติทำให้เราพังพินาศได้เหมือนกัน

การเมืองไทยใกล้วิกฤติยิ่งกว่า รัฐราชการรวมศูนย์และกลุ่มอนุรักษ์นิยมทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองหยุดนิ่งหรือถอยหลังกลับไปอดีต ปิดกั้นการเปลี่ยนแปลงจากภาคประชาชน โดยไม่ตระหนักถึงพลังของมฤตยูเมษและยุค 9 ที่ประชาชนตื่นตัวทางการเมือง บ้านเมืองขณะนี้เหมือนหม้อน้ำเดือด หากไม่เปิดช่องประนีประนอม ต้องระเบิดย่อยยับกันทุกฝ่าย

คำถามสุดท้ายคือวิกฤติจะเกิดเมื่อไหร่ ? ไม่มีใครรู้ สิ่งที่รู้คือวิกฤติมักเกิดในเวลาที่คาดไม่ถึง เพราะเมื่อทุกคนระวังตัว ปัญหาจะไม่รุนแรงจนกลายเป็นวิกฤติ แต่เวลาใดที่ประมาท วิกฤติพร้อมปรากฏตัวทุกนาที หลายคนคาดว่าจะเกิดวิกฤติปีค.ศ. 2020 อาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่มันไม่ได้เปลี่ยนภาพใหญ่ เมื่อเสาร์เข้ามังกร ถึงเวลาต้องยอมรับความจริง ก่อนที่ทุกสิ่งจะสายเกินไป

โหราศาสตร์เป็นความรู้พิเศษ ผู้เขียนมีวาสนาได้เรียนรู้และเข้าถึงแก่นของวิชา จึงหวังใช้ความรู้นี้ช่วยเหลือสังคมส่วนรวมตามกำลังของตน นับเป็นเรื่องดีที่ได้เขียนคอลัมน์นี้ ที่ดีมากคือได้พยากรณ์หลายเหตุการณ์สำคัญในจังหวะที่โลกเข้าสู่จุดเปลี่ยนใหญ่ นี่คงเป็น Destiny ของผู้เขียน

บัดนี้ถึงเวลาอันสมควรแล้ว สิ่งใดจะเกิด ก็ต้องเกิด ผู้เขียนขอยุติคอลัมน์ไว้เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตาม ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองประเทศไทยและทุกท่านครับ

นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา แสงสว่างเสมอด้วยปัญญา ไม่มี