เก้าอี้หลุดเพราะหยุดเรียน

เก้าอี้หลุดเพราะหยุดเรียน

ใครที่เชื่อว่าจะสามารถทำงานต่อไปได้ในวันหน้า โดยใช้ความรู้ที่มีอยู่เดิม แล้วเติมเต็มด้วยประสบการณ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากแล้ว

คงต้องคิดใหม่แล้ว คนที่ใหญ่โตในสมัยหนึ่ง ทำท่าจะตกเก้าอี้อย่างไม่เป็นท่า เพราะใช้ความรู้ ใช้ประสบการณ์ดั่งเดิม กับบริบทใหม่ เคยยกเว้นกติกาเป็นว่าเล่น ด้วยเหตุที่วงการเดิมเชื่อว่าการยกเว้นกติกา ถือเป็นการให้เกียรติ มาอยู่กับอีกบริบทหนึ่งที่การเว้นกติกา คือการกระทำผิด แล้วยังทำแบบเดิมๆ เลยงานเข้าเรียกเรื่องสารพัดเข้าหาตัว จนเก้าอี้ที่ว่านั่งอยู่อย่างมั่นคงนั้น ทำท่าจะคลอนแคลนตกเก้าอี้เอาง่ายๆ

นักปราชญ์กรีกคนหนึ่ง กล่าวเตือนสติคนทำงานไว้เป็นอย่างดีว่า ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำซ้ำในแม่นำ้สายเดิมได้หมายความว่า ทุกครั้งที่ลงไปว่ายนำ้ในแม่น้ำนั้น แม่น้ำวินาทีนี้ ไม่เหมือนที่เป็นเมื่อวินาทีก่อนแน่ๆ ดังนั้นใครคนไหนก็ไม่ได้ว่ายนำ้ในสภาพแม่น้ำเดิม เพียงแค่จะแตกต่างไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหนเท่านั้น แม้ว่าจะทำงานเดิม ตำแหน่งเดิม แต่การงานไม่เหมือนเดิมแน่ๆ เพียงแต่ที่แตกต่างไปนั้น อยู่ที่ตรงไหนเท่านั้น

ถ้าไม่อยากตกเก้าอี้ เพราะตัวเราไม่มีความจำเป็นสำหรับการงานนั้นอีกต่อไป หรือที่หนักขึ้นไปอีก คือการงานที่เราทำของเรามานมนานนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีบทบาทใดๆ เสียแล้วในอนาคต จงอย่าหยุดที่จะเรียนรู้ ซึ่งไม่ได้บอกว่าต้องไปสมัครเรียนต่อปริญญานั้น ประกาศนียบัตรนี้ แต่หมายถึงการทำให้ตนเองยังคงมีคุณค่าสำหรับวงการที่เราเกี่ยวข้องอยู่ ทำให้ตัวเรายังคงมีค่าสำหรับการงานที่เราทำ

การธำรงรักษาคุณค่าของตัวเรา ให้คงอยู่ หรือเพิ่มพูนมากขึ้น สำหรับการงานที่เราทำมาหากินกันอยู่นั้น เริ่มต้นด้วยการเลิกหลอกตนเองว่า การงานของเรายังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรจะมาทำให้การงานเราเปลี่ยนแปลงไปได้ ให้ดูความจริงที่เห็นกันโดยทั่วหน้าในวันนี้ ตำแหน่งนายใหญ่วันก่อน กับนายใหญ่วันนี้ ไม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เป็นตำแหน่งเดียวกัน หรือแม้แต่ว่านายใหญ่จะเป็นคนเดียวกันก็ตาม นายใหญ่วันก่อนสั่งอะไรได้ตามใจ นายใหญ่วันนี้ แค่บอกให้คนอื่นหยุดพูดก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้น ถ้านายใหญ่ยังอยากเป็นนายใหญ่ ในบริบทใหม่ คนที่เป็นนายใหญ่ ต้องเลิกหลอกตัวเองว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิม

เมื่อเชื่อใหม่แล้วว่าวันนี้ไม่เหมือนเมื่อวานนี้ ต้องกล้าที่จะคิดทำงานเดิมในแบบใหม่ๆ ที่ว่าต้องกล้านั้น หมายถึงกล้าทำอะไรใหม่ๆ โดยกล้าพอที่จะไม่อับอายเกินเหตุ หากทำอะไรใหม่ๆ แล้ว ดูท่าจะมีอะไรพลาดไปบ้าง ผิดไปบ้าง ซึ่งที่เราไม่ค่อยชอบทำอะไรใหม่ๆ ในงานดั่งเดิมของเรานั้น ไม่ใช่เพราะเราคิดใหม่ไม่เป็น แต่เราเซ็นเซอร์ตัวเองไม่ให้คิดใหม่ เพราะกลัวว่าถ้าทำตามที่คิดแล้วเกิดผิดพลาดขึ้นมา เราจะเสียหน้าเสียตา หรือถูกเล่นงานจากคนที่คอยจ้องอยู่ ซึ่งจริง ๆแล้ว ไม่มีใครที่ทำงานใหม่ ๆ แล้วถูกต้อง 100% ทำอะไรใหม่ๆ ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่ว่าเราใส่ใจกับการทำอะไรแบบใหม่ๆ นั้นเต็มที่มากน้อยเพียงใด ถ้าใส่ใจไปเต็มๆ จะรู้ก่อนคนอื่นมาบอกว่าเราพลาดอะไรตรงไหน ผิดเป็นครูได้เสมอ ถ้ายังไม่หยุดเรียน

ถ้าจะลองหาวิธีทำงานเดิม ด้วยวิธีใหม่ๆ อย่าเริ่มต้นด้วยการงานที่เราไม่ค่อยเก่ง ให้เริ่มด้วยวิธีทำงานที่เราใช้ความเก่งของเราได้เต็มๆ อย่าดูถูกตัวเองว่า ฉันไม่เก่งอะไรสักอย่าง แต่ให้ตั้งอกตั้งใจค้นหาตนเองอย่างจริงจัง ว่ามีอะไรสักอย่างที่ทำได้ดีกว่าคนอื่น ไม่มีใครที่ไม่เก่งอะไรสักอย่าง จงเชื่อว่าตัวฉันมีดี แล้วหาให้เจอ แล้วถามต่อไปว่าฉันจะใช้ความเก่งที่ฉันมี ทำอะไรใหม่ ๆ ให้กับการงานเดิมต่อไปได้อย่างไร เริ่มต้นจากเรื่องที่เราเก่งจริง ๆเสมอ

ถ้าจะหาว่างานเดิมส่วนไหน ควรจะหาวิธีใหม่มาทำนั้น ให้เริ่มจากการตั้งคำถามว่า ขั้นตอนไหนในวิธีดั่งเดิมนั้น ทำไปเพื่ออะไร ทำไมต้องทำด้วยวิธีการนั้นต่อไป มีอะไรมาห้ามไม่ให้เราปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานหรือไม่ คิดแค่นี้การงานเดิมก็กลายเป็นงานใหม่ได้ทุกวันแล้ว