เครื่องบินทั้งลำ นั่งอยู่คนเดียว

 เครื่องบินทั้งลำ นั่งอยู่คนเดียว

คุณอาจจะยังไม่เชื่อ เพราะเครื่องบินลำใหญ่ขนาดนั้น มีที่นั่งนับร้อย กัปตันและพนักงานบริการอีกนับสิบคน

 แล้วสายการบินที่ไหน จะพิลึกรับผู้โดยสารเพียงคนเดียว เล่าครับ

 มีจริงๆครับ และเกิดขึ้นหลายครั้งแล้วด้วย เช่น เมื่อปี 2558 Alex Simon หนุ่มชาวออสเตรีย ซื้อตั๋วเครื่องบินของ Philipines Airlines จากมะนิลา ไปเมืองบอราเค ขณะที่เขากำลังเช้คอินที่เคาน์เตอร์ของสายการบิน ก็ได้ยินประกาศให้รีบไปขึ้นเครื่อง

ตามกำหนดการ เครื่องบินจะออกเดินทางในอีก 2 ชั่วโมงข้างหน้า แต่เปลี่ยนเป็น ภายใน 30 นาที ที่ต้องเร่งให้เขาไปขึ้นเครื่อง ก็เพราะว่ากัปตันพร้อมแล้ว และเขาเป็น “ผู้โดยสารเพียงคนเดียว” เท่านั้น! Alex บอกว่านั่งเครื่องบินคนเดียว รู้สึกเหมือนเป็น ซูเปอร์สตาร์

อีกรายเป็นสาวจีน ชื่อว่า มิสจาง ในช่วงวันหยุดปีใหม่ 2558 เธอเตรียมเดินทางจากอู่ฮั่น เพื่อกลับบ้านที่กวางโจว แต่คนจีนมากมายเบียดเสียดยัดเยียดกันเดินทางกลับบ้าน สถานีรถไฟที่กวางโจวจึงแออัด สับสนอลหม่านไปหมด

เธอจึงเปลี่ยนเป็นซื้อตั๋วเครื่องบิน เมื่อไปถึงสนามบิน พบว่าผู้โดยสารที่จองเที่ยวบินนั้นไว้ ต่างก็รับข้อเสนอให้แยกย้ายกันไปขึ้นเที่ยวบินอื่น หมดทุกคนแล้ว เธอเลยกลายเป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ของเที่ยวบินนี้

มีสจาง บอกว่าพนักงานผลัดกันมาดูแล กัปตันก็ออกมาคุยด้วย เธอรู้สึกราวกับเป็น ร็อคสตาร์

เมื่อเดือนมกราคม 2561 คุณเบธ สาวอเมริกัน ไปสนามบินโรเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ค เพื่อบินไป วอชิงตัน ดีซี เมื่อไปถึงสนามบิน ก็ได้ยินประกาศว่าเที่ยวบินนั้น ได้เลื่อนเวลาออกไป เป็นหลังเที่ยงคืน เธอจึงออกจากสนามบิน ไปบ้านคุณแม่ซึ่งอยู่ใกล้ๆสนามบิน แล้วกลับมาอีกครั้งหลังเที่ยงคืน

ปรากฎว่าเที่ยวบินเดิมที่ประกาศว่าเลื่อน กลายเป็นออกตามกำหนด ผู้โดยสารคนอื่นไปหมดแล้ว เธอจึงกลายเป็นผู้โดยสารที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ในเที่ยวบินใหม่หลังเที่ยงคืน!

เรื่องราวแบบนี้ มีอีกหลายครั้งครับ ทั้งที่นิวยอร์ค กรีซ ฯลฯ ซึ่งผู้โดยสารคนเดียว ต่างก็ถ่ายรูปตัวเองบนเครื่องบิน ลงเฟซบุค เพื่อให้เห็นว่ามีที่นั่งว่างเปล่าทั้งลำ และพูดเหมือนๆกันว่า มันเป็นความรู้สึกที่ วิเศษ และ พิเศษ จริงๆ!”

แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปนะครับ เพราะเดือนที่แล้วนี้เอง ผู้โดยสารหญิงคนหนึ่ง ก็เป็นผู้โดยสารเพียงคนเดียวบนเครื่องบินเหมือนกัน แต่เธอมีประสบการณ์ที่แตกต่าง

ทิฟฟานี่ อาดัมส์ ขึ้นเครื่องบิน Air Canada ไปโตรอนโต พอเครื่องบินลงจอดที่ โตรอนโต ผู้โดยสารต่างทะยอยลงจากเครื่องบิน หลังจากที่กัปตันและพนักงานทุกคน ได้ลงจากเครื่องบินจนหมดแล้ว เหตุการณ์ก็เกิดขึ้น 

เพราะทิฟฟานี่ เธอไม่ได้ลงจากเครื่องบินครับ เธอหลับสนิทระหว่างเครื่องบินลงจอด พอรู้สึกตัวตื่นขึ้น ก็พบว่า ตัวเธอเองนั่งอยู่ในความมืดสนิทของเครื่องบิน อากาศหนาวเย็น และเครื่องบินลำนี้ก็จอดอยู่ในความมืด ห่างไกลออกไปจากอาคารสนามบินอีกด้วย

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พบว่าแบตเตอรี่หมด ไม่สามารถติดต่อใครได้ เธอจึงเดินเกาะที่นั่ง ค่อยๆก้าวไปข้างหน้าทีละแถวๆ จนถึงห้องกัปตัน ควานหาจนพบไฟฉายกระบอกหนึ่ง ฉายนำทางมาถึงประตูเครื่องบิน และหาวิธีเปิดประตู

เธอเปิดประตูได้สำเร็จ แต่พอมองออกไปข้างนอก เมื่อไม่มีงวงช้างหรือบันไดมารองรับ เธอก็ยืนอยู่สูงจากพื้นสนามบิน 14 เมตร กระโดดลงไปต้องบาดเจ็บแน่นอน

เป็นตัวคุณเอง จะทำอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้ครับ

ทิฟฟานี่ ใช้สามัญสำนึก เธอใช้ไฟฉายนั่นแหละ ฉายไปที่ภายนอกลำตัวเครื่องบิน เพื่อให้เกิดแสงสะท้อนในความมืด และหวังว่า ใครสักคนที่อยู่อาคารสนามบิน หรือ บริเวณนั้น จะมองเห็นแสงสะท้อน

จริงอย่างที่คิด ไม่นานนักพนักงานขับรถขนกระเป๋า ก็มาช่วยเหลือเธอให้ออกจากเครื่องบินได้สำเร็จ 

น่าคิดนะครับว่า ระบบการบริหารของสายการบินเป็นเช่นใด เหตุใดผู้โดยสารคนหนึ่ง จึงหลุดตาไปได้ และถูกทิ้งไว้ในความมืดและความหนาวเย็นเช่นนี้

Air Canada ก็ออกมาดูแลรับผิดชอบครับ เบื้องต้นคือจัดรถยนต์ส่งเธอถึงบ้าน และโทรศัพท์ขออภัย ถึง 2 ครั้ง รวมทั้งตั้งกรรมการสอบสวน ว่าเหตุใดพนักงานต้อนรับจึงไม่เห็นว่า เธอหลับอยู่บนเครื่องบิน

ทิฟฟานี่ บอกว่า หลายวันต่อมาเธอก็ยังรู้สึกหวาดผวา ตื่นขึ้นตอนดึกๆ บางทีก็เกิดความรู้สึกหลอน คิดว่าตัวเองกำลังนอนหลับอยู่ที่มืดมากๆ แต่ตามข่าวก็ไม่พบว่าเธอได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอะไรจากสายการบิน

ถือว่าโชคดีนะครับ ลองคิดดูว่า ถ้าเป็นผู้โดยสารที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เช่นผู้สูงอายุที่มีปัญหาในเรื่องการเคลื่อนไหว หรือผู้ป่วยที่มีอาการเครียด หรือความดันสูง ฯลฯ เหตุการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้ ก็ได้สำหรับบ้านเรา เรื่องราวคล้ายกันที่เกิดขึ้นบ่อยๆก็คือ เด็กตัวเล็กๆ ถูกทิ้งไว้ในรถยนต์ ในเวลากลางวันแสกๆ โดนคนขับล็อครถไว้ เพราะคิดว่าไม่มีใครแล้ว จนเด็กเสียชีวิตจากแสงแดดแผดเผาและขาดอากาศ เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ ทิฟฟานี่ และแอร์ แคนาดา เป็นบทเรียนว่า เรื่องราวอย่างนี้เกิดขึ้นได้แม้กระทั่งบนเครื่องบิน โชคดีที่เป็นเดือนมิถุนายน และเป็นช่วงฤดูร้อน อากาศยามค่ำจึงไม่ได้หนาวเย็นจนเกินไ

ถ้าเป็นเดือนธันวาคม หรือมกราคม อุณหภูมิติดลบและหิมะตกหนัก ลองคิดดูว่า คุณทิพฟานี่ จะเป็นเช่นใด

ทุกสายการบินคงจะต้องเรียนรู้จากเรื่องนี้ รวมทั้งการบินไทยของเราด้วย เราคงไม่อยากเห็นการบินไทย ทิ้งผู้โดยสารไว้บนเครื่องเพียงคนเดียว และเราก็ไม่อยากเห็นเที่ยวบินใดของการบินไทย มีผู้โดยสารเพียงคนเดียวเช่นกัน เพราะจะทำให้ขาดทุนหนักยิ่งขึ้น

แต่ช่วงเวลานี้ คนการบินไทยคงไม่ห่วงเรื่อง ผู้โดยสารเพียงคนเดียว เท่าใดนัก เพราะโอกาสเกิดขึ้นก็มีน้อยมากๆ ชาวการบินไทยน่าจะสนใจเรื่อง คนเดียว เหมือนกัน แต่หมายถึง ประธาน ของพวกเขา ว่าท่าน...อยู่ต่อแน่นะ

 ดูเหมือนจะคุยกันลงตัวแล้ว ว่าท่านคงอยู่ต่อ ซึ่งเมื่อจบลงด้วยดี จะได้มุ่งพัฒนาบริษัทกันต่อไป เพราะคนไทยรอให้การบินไทยมีกำไร และเป็น องค์กรคุณธรรมตามที่ได้สัมนากันในวันนั้น

 จริงๆ....ซะที