การไม่ลงทุน “สร้างคน” คือ “ความสูญเสีย” ที่สุด!

การไม่ลงทุน “สร้างคน” คือ “ความสูญเสีย” ที่สุด!

เรื่องที่ย้อนแย้งเป็นอย่างยิ่งก็คือ ทุกองค์กรอยากให้คนในองค์กร.. สร้างคุณค่าให้มากที่สุดกับงานที่ทำ

อยากให้ฝ่ายขายในทุกช่องทาง สร้างยอดขายให้เป็นไปตามเป้า สร้างรายได้ให้มากที่สุดอยากให้ฝ่ายบริการ สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าให้ประทับใจมากที่สุด อยากให้ฝ่ายผลิต ผลิตสินค้าออกมาให้มีคุณภาพมากที่สุดหรือมีนวัตกรรมใหม่ๆออกมาเพื่อสร้างความได้เปรียบให้มากที่สุด

สรุปคือ อยากและอยากแบบ“เต็มไปด้วยความอยาก!”ที่จะให้ทุกหน่วยงาน สร้างสิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดผลเป็นไปตามเป้าหมายของหน่วยงานและองค์กร

ปัญหาคือ... มีความอยากมีความต้องการทุกอย่าง.. แต่ “ไม่อยากลงทุน ลงแรง ลงเวลา” ซะงั้น!

บางที่ อาจจะอ้างว่า ไม่มีเวลาในการพัฒนาคนในแต่ละหน่วยงาน บางที่ อาจจะอ้างว่า ไม่อยากลงทุนในการพัฒนาคน บางที่ อาจจะอ้างว่าไม่ค่อยมีงบในการพัฒนาคน..

เมื่อมีแต่ความอยาก แต่มีข้ออ้างสารพัดที่จะไม่ลงทุนในการ สร้างและพัฒนาคนความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทุกที่ที่เป็นแบบนั้น จะออกมาในทำนองนี้...

เริ่มกันที่ฝ่ายขาย..ในทุกช่องทาง

เป็นที่รู้กันว่า ฝ่ายขายจะมีคนที่ทำหน้าที่ขาย สร้างยอดขายได้ทะลุเป้า เพียงไม่กี่คน แต่คนที่เหลือส่วนมากจะทำได้ไม่ถึงเป้า หรือห่างจากเป้าแบบน่าเกลียด!

เมื่อไม่ลงทุนสร้างทีมขายอย่างถูกต้อง ไม่มีการทำ Sales Coaching อย่างต่อเนื่อง จะเกิดปัญหาอัตราการเข้าออกของทีมขายสูงมาก (ยอดขายต่ำแต่อัตราการลาออกสูง!) คนใหม่เข้ามาขายไม่ค่อยได้ ก็อยู่ไม่ได้ ไม่ถูกเชิญออกก็ชิงลาออก เป็นแบบนี้วนไปเรื่อยๆ

ลองไปคิดคำนวณกันเองนะครับ ว่าค่าใช้จ่ายในการรับคนเข้าออกบ่อยๆ หมดเงิน เสียเวลาไปเท่าไหร่!?

ที่สำคัญ เป็นการ“สูญเสียโอกาส”ในการสร้างยอดขายสร้างรายได้ให้กับองค์กรต่อเดือน เป็นเงินเท่าไหร่!?

หนักกว่านั้น.. บางที่อาจโชคร้าย มือดีที่สร้างยอดขาย ลาออกไปทำเองหรือถูกคู่แข่งซื้อตัว ยอดขายและรายได้หลักของบริษัทจะหายไปเท่าไหร่ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะสร้างยอดขายทดแทนได้ หรืออาจจะไม่สามารถสร้างยอดขายได้มากเท่าเดิมอีก เพราะไม่มีเวลา ไม่ลงทุนพัฒนาทีมขายตั้งแต่แรก!

ตามมาด้วยฝ่ายบริการ..

กว่าจะได้ลูกค้าแต่ละรายไม่ง่าย กว่าจะทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำ ใช้บริการเป็นลูกค้าประจำยิ่งยาก..แต่เนื่องจากบริษัทไม่มีเวลาหรือไม่คิดจะพัฒนาคน ที่อยู่ในฝ่ายบริการทุกช่องทาง วันดีคืนดี ฝ่ายบริการอาจ

“หัวร้อน” หลุดใส่อารมณ์ พูดจาหรือแสดงกิริยาที่เลวร้ายกับลูกค้า…

จนทำให้ลูกค้าที่เป็นลูกค้าประจำ หรือลูกค้ารายใหญ่ไม่สามารถรับได้ จนเลิกเป็นลูกค้า... “เงินหรือรายได้บริษัทหายไปเท่าไหร่!?”

และเนื่องจากฝ่ายบริการไม่ได้รับการพัฒนา.. ในแต่ละวันก็ทยอย“ทำลายลูกค้า”ให้จากไปทุกๆวัน

วันละกี่ราย ไปลองตรวจสอบกันเองดูจะรู้จนช็อค...!

ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่พนักงาน Call Center ที่ทำหน้าที่ให้บริการ ให้ข้อมูลเวลา กลุ่มเป้าหมายสนใจโทรมาสอบถาม หรือ แอดมินที่ทำหน้าที่ตอบแชทตาม Social Media ที่ยิงแอดไป แล้วกลุ่มเป้าหมายสนใจ แต่เนื่องจากพนักงานทั้งสองส่วน ไม่ได้ถูกฝึกและขาดจิตสำนึกในการให้บริการ ขาดทักษะในการขาย

เชิงรับ (บริการเชิงรับยุคใหม่ต้องขายเป็น!)

คิดดูแต่ละวัน “สูญเสียโอกาสและสูญเสียรายได้” เป็นเงินเท่าไหร่!?

ต่อด้วยฝ่ายผลิต..

เมื่อฝ่ายผลิต“ยึดติด”กับการทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆซากๆจนเบื่อหน่าย เฉื่อยเนือยลงไปทุกๆวัน บางที่อาจเจอปัญหาพนักงานขาดวินัย ขาดลามาสาย ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะทั้งหัวหน้างานและพนักงานไม่เคยได้รับการพัฒนา..

สินค้าหรือบริการที่ดี จะออกมาจากฝ่ายผลิตได้อย่างไร ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง “นวัตกรรม” เอาแค่ให้พ้นหลุด“กรงกรรม”ที่ทำงานไปวันๆ แต่ขาดคุณภาพให้รอดก่อนเถอะครับ!

ปิดท้ายด้วยฝ่ายอื่นๆ ที่เหลือ..

ฝ่ายอื่นๆที่เหลือในองค์กร แต่ละคนทั้งหัวหน้าและลูกน้อง นอกจากจะไม่ประสานงานกันเอง ยัง “ประสานงา” ฉะกันเองทั้งเพื่อนร่วมงานในฝ่ายเดียวกัน ทั้งหัวหน้ากับลูกน้องไม่เข้าใจกัน(เพราะหัวหน้าขาดภาวะผู้นำ ไม่รู้วิธีการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ไม่รู้วิธีที่จะเป็น Coach ให้ลูกน้อง)

ปัญหาจึงเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน จนกระทั่งลามไปมีปัญหา “ประสานงา” กับฝ่ายอื่นที่ต้องเกี่ยวข้อง จนกระทบไปถึงลูกค้า สร้างประสบการณ์แย่ๆให้ลูกค้าได้รับไม่เว้นแต่ละวัน อะไรจะเกิดขึ้น!?

สรุปแล้ว...ทุกหน่วยงานที่บริษัทไม่ลงทุนในการสร้างและพัฒนาคน ทุกวันนี้กำลัง ร่วมแรงร่วมใจกันแบบไม่รู้ตัว ในการสร้างความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งรายได้และลูกค้าที่หายไป จนถึง Brand ที่กำลังถดถอยเสื่อมลงทุกๆ วันครับ!