สภาพสังคมปัจจุบันที่น่าศึกษา !!

สภาพสังคมปัจจุบันที่น่าศึกษา !!

เจริญพรสาธุชนผู้เคารพธรรม... การดำเนินชีวิตของสัตว์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่ขับเคลื่อนไปด้วย “พลังกิเลส” 

ก่อเกิดกรรมและมีวิบากเป็นผล วนเวียนอยู่เช่นนี้ จึงเรียก วนเวียนชีวิต ที่วนไปก็เวียนมา ไร้ความแน่นอน

สืบจากอดีต ผ่านปัจจุบัน สู่อนาคต.. ไม่มีอะไรใหม่สักอย่าง ล้วนแต่เรื่องเดิมๆ ของราคะ โทสะ โมหะ ที่มาตบแต่งให้จิตสัตว์ทั้งหลายปรุงแต่ง ก่อเกิดความเร่าร้อน เศร้าหมอง ขับเคลื่อนไปด้วยกำลังความอยาก เพื่อแสวงหาวัตถุกาม .. ที่ต้องการ ตามแรงจินตนาการแห่งกิเลสที่ควบคุมจิต..

วิถีชีวิตจึงดำเนินไปในวนเวียนแห่งการกระทำที่เหมือนกันทุกขณะ ไม่ว่าสัตว์เหล่านั้นจะวิเศษวิโส มีฐานะ โอกาส ชาติตระกูลอย่างไร จะสูงสุดเสียดฟ้า ต่ำต้อยติดดิน ร่ำรวยมหาศาล หรือกระจอกงอกง่อย ยากจนเข็ญใจ ก็มิได้แตกต่างในธรรมชาติของจิตที่ดำเนินไปตามวิถี ที่สรุปวงจรทำงานสั้นๆ พอเข้าใจได้ไม่ยากได้ว่า “เมื่อมีอารมณ์เข้ามาทางอายตนะหรือช่องรับทางตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ จิตก็จะตื่นขึ้นมาจากการเสพอารมณ์เก่า เหมือนคนตื่นจากหลับ และจะลุกไปรับอารมณ์ใหม่ เหมือนแขกที่มาเยือน พิจารณาและตัดสินใจรับ จูงมือเข้ามาในบ้าน มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอารมณ์หรือแขกนั้น และบันทึกจดจำการเสพอารมณ์หรือเกี่ยวข้องกับแขกนั้นไว้ จนกว่าจะมีอารมณ์ใหม่หรือแขกใหม่เข้ามาเยือนอีก”... ทั้งนี้ จิตจะเก็บผลการกระทำนั้นไว้ตามกำลังและความเร็วของการกระทำที่ส่งผลต่อกำลังวิบากที่จะตามให้ผลคืนกลับจิตนั้น อันเป็นไปตามวิถีธรรมชาติว่าด้วยกฎแห่งกรรม ที่ควบคุมจิตสัตว์ทั้งหลายให้เป็นไปตามธรรม

ในสังคมที่มากไปด้วยความอยาก (กิเลส) จนยากจะควบคุมพฤติกรรมทั้งกาย วาจา ใจ จึงมักดำเนินไปตามอคติธรรม ก่อเกิดความอยุติธรรม ที่นำไปสู่สังคมล่มสลายอารยธรรม ที่สุดจึงไร้ความสงบสุข เพราะหมู่ชนไม่เคารพธรรม การแก่งแย่งอำนาจ ชิงดีชิงเด่น คิดพยาบาท ก่อการเบียดเบียน จึงเกิดปรากฏในสังคมนั้น ที่จะใช้ความรู้ความสามารถไปในทางที่ผิดเพี้ยน เพื่อตอบสนองความถูกใจของตนและหมู่คณะ

วิถีสังคมจึงดำเนินไปในแนวความถูกใจ .. ความชอบใจเป็นใหญ่ และปกปิดความถูกต้องและความชอบธรรม จึงเห็นการก่อการกระทำที่ไร้ศีลธรรม ขาดเมตตาธรรม ก่อเกิดขึ้นในสภาพสังคมนั้นๆ

สังคมจึงแบ่งฝักฝ่ายตามกำลังตัณหาและทิฏฐิ มีศีลหรือข้อปฏิบัติ .. ทิฏฐิหรือความเห็นที่แตกต่างกัน จับกลุ่มแบ่งพวกแยกฝ่ายกันอย่างชัดเจน “ธาตุที่เหมือนกัน ย่อมดึงดูดเข้าหากัน มีธาตุแท้อย่างไร ก็จะคบสมาคมกับผู้มีธาตุเหมือนกันอย่างนั้น”

วิถีจิตจึงจำแนกสภาพสังคมของสัตว์ให้เป็นฝักฝ่ายอย่างชัดเจน “คนพาล คบคนพาล .. บัณฑิตคบบัณฑิต” การเลือกตั้งคัดหาบุคคลเป็นผู้นำ .. ผู้แทนก็จะเป็นไปตามลัทธิความชอบใจ .. ความถูกใจ ตามหลักอัตตาธิปไตย การดำเนินการใดๆ ในสังคมก็จะเป็นไปตามหลักคณาธิปไตย ที่ใช้เสียงข้างมากวัดผลชนะแพ้ โดยปฏิเสธคุณธรรมอย่างสิ้นเชิง

ในลักษณะสภาวะสังคมเช่นนี้ ท้าทายต่อคนดีมีปัญญาหรือผู้ประพฤติธรรม ว่าจะดำรงชีวิตอย่างไร ภายใต้กระแสสังคมฉาบฉวยด้วยอำนาจกิเลสที่ก่อกระแสแปรเปลี่ยนไปมาอย่างไร้คุณธรรม.. เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย ไม่สูญเสียประโยชน์ตน .. ไม่ทำลายประโยชน์ท่าน และเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งธรรมที่แท้จริง.... จึงฝากเป็นอนุสติธรรมแด่สาธุชนทุกท่านที่ต้องเดินผ่านสภาพธรรมของสังคมในยามนี้ !!

เจริญพร

[email protected]