ถ้าเราเคารพธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะเคารพเรา

ถ้าเราเคารพธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะเคารพเรา

ปัญหาฝุ่นพิษปกคลุมกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ สาเหตุของปัญหาคือผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดของแนวทางนโยบายการพัฒนาประเทศแบบเน้นการเติบโตของอุตสาหกรรม

ที่ไม่คำนึงถึงความสมดุลของธรรมชาติหรือระบบนิเวศ รัฐบาลไม่เข้าใจว่านี่คือวิกฤติเชิงโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจการเมืองทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ปัญหาทางเทคนิค จึงได้แต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุอย่างเป็นฝ่ายรับ และไม่ได้ผลอย่างแท้จริง

เราต้องทำความเข้าใจเรื่อง “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ให้ถูกต้อง ไม่ใช่แค่ใช้คำพูดตามกระแสโลกและคิดเอาง่ายๆ ว่าถ้าดูแลปัญหามลภาวะนิดหน่อยจะได้ทำธุรกิจไปยาวนาน การพัฒนาอย่างยั่งยืนหมายถึงการพัฒนาแบบควบคุมจำกัดการเติบโต การผลิต การบริโภค การเมือง ทั้งระบบ ที่จะต้องแก้ไขที่รากเหง้าของปัญหาอย่างเป็นฝ่ายรุก ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศ เพื่อที่ระบบธรรมชาติจะดำรงอยู่ได้ยาวนานถึงรุ่นลูกหลานเหลนของเรา

ระบบธรรมชาตินั้นมีกลไกการทำงานที่พยายามฟื้นฟูตัวเอง สร้างความสมดุล ช่วยเอื้ออำนวยให้สิ่งมีชีวิตทุกอย่างอยู่ได้ แม้มนุษย์เป็นสัตว์ที่พัฒนาเทคโนโลยีได้มากที่สุด แต่มนุษย์ยังต้องพึ่งพาสิ่งมีชีวิตอื่นๆ พึ่งพาทุนธรรมชาติ (อากาศที่เหมาะสมแก่การหายใจ ป่า ฯลฯ) และพึ่งพาเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ อย่างมาก สิ่งมีชีวิตทุกอย่างในระบบนิเวศทั้งจุลินทรีย์ พืช สัตว์ ทุกชนิดต่างสำคัญและช่วยให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งมนุษย์มีอาหาร ปัจจัยยังชีพอื่นๆ และอยู่รอดได้

ระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม (การผลิตโดยแรงงานรับจ้างให้นายทุนเอาสินค้า, และบริการไปขายในตลาด) เป็นเรื่องใหม่ที่มนุษย์สมัยใหม่สร้างขึ้นเมื่อราว 250 ปี นำความเจริญความมั่งคั่งความสะดวกสบายให้กับมนุษย์ยุคปัจจุบัน (โดยเฉพาะคนรวยและคนชั้นกลาง) มากก็จริง แต่ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคทุนนิยมอุตสาหกรรมที่มีการถลุงใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างขนานใหญ่ คือการพัฒนาแนว “กอบโกยล้างผลาญ” เอาเปรียบทั้งธรรมชาติและแรงงาน และสร้างวิกฤติทุกด้าน

ทั้งวิกฤติความขัดแย้งการเมือง (สงคราม การก่อการร้าย) วิกฤติทางเศรษฐกิจและทางสังคม (ความเหลื่อมล้ำต่ำสูง, เศรษฐกิจถดถอย, ชลอตัว, ภาวะของแพง, ขาดแคลนสำหรับคนจำนวนหนึ่ง ฯลฯ) และวิกฤติการทำลายสิ่งแวดล้อม อากาศเป็นพิษมีฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นพิษปกคลุมเมือง ภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง เกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง/รุนแรงขึ้น การขาดแคลนน้ำจืด ฯลฯ ปัญหาวิกฤติเหล่านี้อาจทำให้มนุษย์ทั้งหมดหรือจำนวนมากก้าวไปสู่ความหายนะภายในไม่กี่สิบปีข้างหน้านี้ได้ ถ้ามนุษย์ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจสภาพปัญหาและตื่นตัวลุกขึ้นมาร่วมมือกันหาทางแก้ไขปัญหาวิกฤตทุกด้านซึ่งเชื่อมโยงกันทั้งระบบสังคมนิเวศอย่างจริงจัง

นักวิทยาศาสตร์ ด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินว่าปัญหามลภาวะโลกร้อน (อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยสูงขึ้น) มีแนวโน้มจะทำให้น้ำทะเลท่วมเมืองชายฝั่งที่มีประชากรโลกราว 1 ใน 3 มนุษย์นับ 2-3 พันล้านคนจะขาดแคลนที่อยู่อาศัย อาหาร น้ำ พลังงานอย่างกว้างขวางรุนแรง ความหายนะจะเกิดเร็วช้าแค่ไหนยังมองแตกต่างกันอยู่ แต่ถ้าเราไม่แก้ไขที่ต้นตอก็จะต้องเกิดแน่ๆ ปัญหาที่เร่งด่วนที่เห็นได้ชัดในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่อื่นๆ คือ ฝุ่นพิษขนาดเล็กที่กำลังทำลายสุขภาพ ทำให้เรามีโอกาสป่วยหนักและผ่อนส่ง

ทางออกของมนุษย์คือ ต้องเรียนรู้ใหม่ คิดแบบใหม่ เลิกศรัทธาลัทธิบูชาการหาเงินมาซื้อสินค้าและบริการ เลิกนโยบายการเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเอาชนะหรือทำลายธรรมชาติซึ่งกำลังย้อนกลับมาทำร้ายมนุษย์ เพราะพวกเราไปทำลายความสมดุล ทำลายระบบของธรมชาติ (หรือระบบนิเวศ) ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบกินน้อย ใช้น้อย ระดับพอเพียง ใช้พลังงานหมุนเวียนแทนพลังงานฟอสซิล ลดการทิ้งขยะ ของเสีย และพื้นดินของใช้แล้วให้กลับมาใช้ใหม่ได้ ฯลฯ ใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับขีดความสามารถดูดซับฟื้นฟูของเสียระบบธรรมชาติ

ธรรมชาติมีความเรียบง่าย แต่เชื่อมโยงและทำงานร่วมกันอย่างซับซ้อน ระบบธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ (มีสัตว์ พืช จุลชีพมากมาย) ทำงานแบบควบคุมตนเอง พึ่งพาตนเองและสร้างตนเองใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะมีการแทรกแซงรบกวนจากภัยที่เกิดเองตามธรรมชาติในบางครั้ง เช่น ไฟไหม้ป่าที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ป่าหรือระบบนิเวศทั้งหมดของป่านิเวศก็สามารถฟื้นคืนสู่สภาพเดิมที่สมดุลได้ ถ้าไม่ถูกแทรกแซง/รบกวนจากมนุษย์มากจนเกินไป

ในระบบธรรมชาตินั้น สิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ จุลชีพดำรงอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาอาศัยกัน ใช้ทรัพยากรพลังงานที่จำเป็น เบียดเบียนธรรมชาติและผู้อื่นแต่น้อย แข่งขันกันบ้าง แต่ก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือร่วมมือกันเป็นด้านหลัก ของเสียจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอื่น ในระบบธรรมชาติไม่มีขยะของเหลือใช้ที่เปล่าประโยชน์หรือมีก็น้อยมาก และในยุคก่อนพัฒนาระบบทุนนิยมอุตสาหกรรมมีน้อย เรากินน้อย ใช้น้อย เท่าที่จำเป็น ระบบธรรมชาติจึงสามารถดูดซับฟื้นฟูของเสียให้กลับอยู่ในสภาพดีหรือเป็นประโยชน์ได้

นี่คือความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่มนุษย์เราควรจะเรียนรู้และใช้ชีวิตเลียนแบบธรรมชาติ แนวทางการพัฒนาทุนนิยมอุตสาหกรรมสุดโต่งแบบจะมุ่งแข่งขันทำงานการผลิตเพื่อหาเงินมาบริโภคคือหายนะ ประชากรโลกมีมากกว่าแต่ก่อน ต้องแบ่งปันกัน ต้องควบคุมการเพิ่มของประชากร ผลิตและบริโภคสินค้าเฉพาะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แบ่งปันผลผลิตและบริการที่จำเป็นเหล่านี้ให้ทุกคนอย่างเป็นธรรม ลดการทำลายมลภาวะและฟื้นฟูป่า แหล่งทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ให้กลับคืนสู่สภาพอุดมสมบูรณ์ เพื่อที่ลูกหลานของเรา (รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆ) จะสามารถดำรงชีพอยู่ในโลกดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะจักรวาลนี้ที่เราสามารถจะหายใจและดำรงชีพนี้ได้ยาวนานขึ้น และอย่างสันติสุข มีคุณภาพและความพอใจในชีวิต