จตุพร VS ลุงกำนัน

หลัง“ลุงกำนัน”สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ได้เผยแพร่ภาพสดผ่านโปรแกรม“เฟซบุ๊คไลฟ์” บนเฟซบุ๊ค “Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)” เพื่อชี้แจงถึงเหตุผลในการรับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ ซึ่งทำทุกวันนับแต่วันที่ 24 มิ.ย.

จากนั้น“ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็ออกมาไล่บี้แทบจะหายใจรดต้นคอ ผ่านรายการ“มองไกล” ว่า ในเมื่อ“คุณสุเทพ”ทำได้ แล้วไม่ผิด พวกตนก็จะทำเหมือนกัน(25 มิ.ย.) ว่าแล้วก็เริ่มเลย “จตุพร”เลือกเอาเวลา 14.30 น. เพื่อฟังประเด็นของ“สุเทพ”ก่อน ในเวลา 14.00 น. จากนั้นก็จะเอามามองในมุมของตน

นอกจากนี้ ยังมีณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. และธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช. ที่จะทำเช่นเดียวกัน

ประเด็นของเรื่องนี้ อยู่ที่การพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า“ความเห็นด้วย” กับ “ความเห็นต่าง” ไม่ได้ถูกปิดกันการแสดงออก อย่างที่มีการกล่าวอ้างโจมตีกันทางการเมือง

อย่างที่อ้างเพื่อดึง องค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และ สหภาพยุโรป(อียู) เข้ามาร่วมสังเกตการณ์การทำประชามติ

พิสูจน์แล้วว่า“สุเทพ”ทำได้“จตุพร”ทำได้.. แถม พ่วงเอา“ณัฐวุฒิ”และ“ธิดา”มาเป็นตัวช่วยได้ด้วยอีกต่างหาก

เพียงแต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่างที่พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ผ่าน“เฟซบุ๊คไลฟ์” ของ “สุเทพ”และ“จตุพร”ว่า เป็นเสรีภาพตาม มาตรา 7 ของ พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แต่ต้องไม่จูงใจให้ใครไปใช้สิทธิรับหรือไม่รับร่างฯ เพราะจะถือว่า เป็นการชี้นำ

ส่วนเนื้อหาสาระที่“สุเทพ”ชอบ“จตุพร”ไม่ชอบ ด้วยการศึกษาร่างรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดมากล่าวนั้น ถือว่าเป็นผลดีต่อคนไม่ได้อ่านร่างรัฐธรรมนูญอย่างที่“สุเทพ” เกริ่นเอาไว้แต่ต้น โดยมีคนอ่านมาเล่าสู่ฟัง ยิ่งมีการชี้ให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสีย(เห็นด้วย VS เห็นต่าง) ก็ยิ่งช่วยในการตัดสินใจของประชาชน

เหนืออื่นใด ในเมื่อนี่คือ ตัวอย่างที่คุณ..คุณ... ก็ทำได้ ภายใต้กรอบ ไม่บิดเบือนเนื้อหา และชี้นำ “รับ-ไม่รับ” ทำไมไม่แสดงออกตามความเห็นที่คุณก็ช่วยกันอ่าน ช่วยกันชี้แจงแถลงไขได้ ด้วยความรับผิดชอบต่อตัวเอง

ปิดปากพวกชอบอ้าง ถูกปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญเสียที เพราะทุกคนมีสิทธิ และใช้สิทธิตามกฎหมายได้อยู่แล้ว