เทคนิคง่ายๆ สบายกระเป๋าสำหรับผู้ที่ต้องการลดเบี้ยประกัน
สำหรับใครที่มีรถยนใหม่ทั้งหลายมักจะเกิดคำถามว่า ทำไมประกันภัยรถยนต์ ถึงมีราคาแพงไม่เห็นอยากที่จะซื้อเลย
ทั้งๆ ที่มีความสำคัญมากๆ สำหรับรถของเรา เพราะประกันจะเป็นตัวช่วยปกป้องเรื่องค่าใช้จ่ายที่มักจะเกิดขึ้นกับรถของคนไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวชน หรือเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น ดังนั้นในวันนี้ทางเราจึงอยากที่จะนำข้อแนะนำเล็กๆ น้อยมาได้เสนอให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า ประกันภัยรถยนต์สามารถเลือกซื้อได้ในราคาที่ถูก ถ้าหากคุณผ่านการพิจารณาดังต่อไปนี้
มีประวัติในการขับขี่ที่ดี
วิธีนี้เป็นวิธีการขอส่วนลดการทำประกันภัยที่ดูเหมือนจะยากแต่จริงๆ แล้วง่ายที่สุด เพียงแค่คุณมีสติทุกครั้งที่ออกไปขับขี่บนท้องถนนและปฏิบัติตามกฏการจราจรที่ค่อนข้างดีและจะอนุมัติให้คุณได้รับส่วนลดเบี้ยประกันไปถึง 20 % และจะเพิ่มขึ้นทุกๆ ปีโดยไปสิ้นสุดอยู่ที่ 50 % คงที่ในปีที่ 4 ในทางกลับกันหากสมมุติว่าในกรณีที่คุณนำรถยนต์ไปเกิดอุบัติเหตุที่ไหนซักแห่งหนึ่ง ทางบริษัทจะถือว่าคุณเสียประวัติและหักส่วนลดของคุณลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเช่น หากในกรณีที่คุณได้รับส่วนลด 30 % บริษัทก็จะหักลงมาแค่ 10 % เท่านั้นซึ่งจะเหลืออยู่เท่ากับ 20% นั่นเอง (ผู้ทำประกันบางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าหักหมดซึ่งผิดไปจากความจริงอยู่มากโขเลยทีเดียว)
ระบุชื่อผู้ขับขี่รถยนต์คันนั้นๆ
ในกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการที่จะซื้อรถให้ลูกเพื่อเป็นของขวัญวันสำเร็จการศึกษา หรือ ในทางตรงกันข้ามที่คุณลูกต้องการจะซื้อรถเอาไว้ให้คุณพ่อคุณแม่ใช้ ซึ่งหากเป็นในกรณีนี้แน่นอนว่าน่าจะต้องมีผู้ขับขี่หลักอยู่แล้ว ดังนั้นทำไมไม่ลองระบุตัวตนของผู้ขับขี่ไปเลยละเพียงเท่านี้คุณก็จะได้รับส่วนในการระบุตัวผู้ขับขี่แล้ว โดยทางบริษัทประกันได้ระบุเอาไว้ดังนี้
- ช่วงอายุ 18 - 24 ปี ได้รับส่วนลด 5 %
- ช่วงอายุ 25 - 35 ปี ได้รับส่วนลด 10%
- ช่วงอายุ 36 - 50 ปี ได้รับส่วนลด 15%
- ช่วงอายุ 50 ปี ขึ้นไป จะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 20% ด้วยกัน
โดยทางบริษัทยังได้มีการระบุเพิ่มเติมเอาไว้อีกว่า รถยนต์ หรือ รถโดยสารที่ใช้สำหรับบุคคลทั่วไปนั้นสามารถที่จะระบุผู้ที่ขับขี่ได้ถึง 2 คนด้วยกัน ซึ่งนี่ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในการลดเบี้ยประกันภัย
ยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก
ค่าเสียหายส่วนแรกคืออะไร มันก็คือค่าเสียหายที่ผู้ทำประกันภัยตกลงจะเป็นผู้รับผิดชอบเองตามความสมัครใจหรือเรียกง่า่ยๆ ก็คือผู้เสียหายเลือกที่จะรับความเสี่ยงเอาไว้เองเช่นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยแลกกับส่วนลดเป็นจำนวนเงินสูงสุดถึง 5,000 บาท เช่นหากเราาตกลงกับทางบริษัทประกันเอาไว้ที่ 1,000 บาทหากในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นคุณก็จะต้องเสียเงินในส่วนนี้ไป แต่แน่นอนว่าเบี้ยประกันของคุณก็จะลดลงไปเช่นกัน ซึ่งพูดได้ว่าวิธีนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเสียเท่าไหร่สำหรับใครหลายๆ คน
ส่วนลดกลุ่ม
วิธีนี้ไม่ค่อยจะต่างอะไรจากส่วนลดประวัติดีมากเท่าไหร่แต่จะเน้นไปยังกลุ่มคนที่มีรถจำนวนหลายคัน ( 3 คันขึ้นไป) โดยจะต้องจดทะเบียนรถยนต์ภายใต้ชื่อเดียวกัน และไม่เคยมีประวัติการเคลมมาก่อน ซึ่งเราสามารถแบ่งลักษณะของการประกันออกได้ดังนี้ คือ
รถยนต์ 3 - 9 คัน ส่วนลด 30 %
รถยนต์ 10 - 19 ส่วนลด 35 %
รถยนต์ 20 คัน ส่วนลด 40 %
ซึ่งวิธีการดังกล่าวนั้นจะเน้นไปที่กลุ่มของผู้ที่มีรถอยู่ในครอบครองเป็นจำนวนมากหรือมีธุรกิจรถเช่าเอาไว้บริการลูกค้าที่ต้องการจะมาเช่ายืมรถเพื่อไปทำธุระตามที่ต่างๆ นั่นเอง
------------------------
ขอบคุณบทความจาก rabbit finance -
https://finance.rabbit.co.th/car-insurance