Who Moved My Money? เมื่อเงิน..ย้ายที่

Who Moved My Money? เมื่อเงิน..ย้ายที่

คุณค่าและมูลค่า ของธุรกิจเพลงไม่ได้หายไป แต่มันย้ายที่อยู่ ไม่ต่างอะไรกับแอพแชทแจกฟรีอย่าง LINE WhatsApp ที่มา 'ย้ายที่เงิน'

เรากำลังมีชีวิตอยู่ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เร็วอย่างที่ไม่เคยมียุคสมัยใดเปลี่ยนแปลงได้เร็วเท่า นี่คือ 'โลกออนไลน์' ที่เปิดกว้างให้ผู้คนแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่แบบไร้ต้นทุน

เป็นยุคที่ผู้คนสามารถเปลี่ยนตัวเองจาก 'คนเดินถนน..กลายเป็นคนดัง' ได้ง่ายกว่าสมัยก่อนมาก

บางคนอาจจะสงสัยว่า ทำได้อย่างไร? … ตอบว่าได้จากโลกออนไลน์ หรือโลกที่คนกำลังเข้าสู่สังคมก้มหน้าเต็มรูปแบบ ชาวโลกก้มหน้าก้มตาใช้อินเทอร์เนตวันละ 3-4 ชั่วโมง แต่ชาวไทยใช้อินเทอร์เนตกันวันละเกือบ 6ชั่วโมง เป็นมนุษย์ชนชาติที่ติดอินเทอร์เน็ตสูงติดอันดับโลก

เราใช้ตอนเดิน นั่ง กิน รอ ประชุม เรียน แม้กำลังจะนอน และตื่นนอน ฯลฯ สรุปคือใช้แทบจะทุกเวลาที่กำลังลืมตาอยู่ บางประเทศถึงกับต้องออกกฎหมาย ห้ามเดินไปกดมือถือไป ห้ามใช้มือถือในรถ

ปรากฏการณ์ออนไลน์ส่งให้มีคนดังจากโลกอินเทอร์เนต ที่เรียกกันว่าเป็น 'เซเลบออนไลน์' หรือ 'เนตไอดอล' ที่มีคนติดตามเรือนแสนเรือนล้าน พวกเราคงเคยได้ยินชื่อมุกกี้ แซ่บ, มันแกว, แม่บ้านมีหนวด, จ่าพิชิต, เจี๊ยบเลียบด่วน ฯลฯ ที่มีคนรู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง

ดูเผินๆเหมือนไม่มีอะไรกระทบธุรกิจ แต่ที่จริงโลกออนไลน์ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างมากมาย โมเดลการหารายได้แบบเดิมๆจะตายลง ก่อกำเนิดโมเดลการหารายได้ใหม่ๆที่มากมายกว่าเดิม ขอยกตัวอย่างวงการเพลง ท่านผู้อ่านทราบหรือไม่ว่า

แต่เดิม..การขายเพลงทำผ่านเทป และซีดี แต่วันนี้เทปซีดีไม่ใช่แหล่งรายได้สำคัญอีกต่อไป(มานาน)แล้ว

ต่อมา..การขายเพลงทำผ่านการดาวน์โหลดไฟล์ดิจิตอลลงบนเครื่องคอมฯหรือมือถือ ทั้งโหลดเพลงมาฟัง เพลงริงโทน หรือเสียงเพลงรอสาย ซึ่งแม้จะทำให้มีคนฟังเพลงมากขึ้น ทว่าจ่ายเงินน้อยลง...แต่วันนี้ ก็ขายไม่ดีอีกต่อไปแล้ว

วันนี้..การฟังเพลง สามารถซื้อด้วยราคาที่ถูกลงมากผ่าน iTune Music หรือบางคนอาจจะฟัง ฟรี!โดยเปิดฟังจากยูทูป หรือเปิดจากแอพพลิเคชั่น เช่น จูกซ์JooX

สถานการณ์เช่นนี้ดูเหมือนว่าค่ายเพลงและนักร้องจะแย่ละอุตส่าห์ทำงานสร้างสรรค์อย่างยากลำบาก แต่รายได้กลับลดลงเพราะของมีราคาลดลงหรือแม้กระทั่งแจกฟรี

อันที่จริง มันมีโอกาสใหม่ที่กำลังมาเยือนจากฐานลูกค้าที่ขยายตัว ลองสังเกตดูว่าไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนอย่างเมื่อก่อนคนฟังเพลงที่บ้านด้วยวิทยุหรือฟังในรถด้วยเครื่องเล่นซีดี แต่ทุกวันนี้คนฟังเพลงเยอะกว่าเดิมมาก เพราะทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ อยากฟังเมื่อไหร่ก็แค่กดแอพแล้วเสียบหูฟังง่าย เร็ว ดี ...แต่ไม่ดีอย่างเดียว ตรงที่มันฟรี

นี่คือการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมเพลง ภาษา Startup เรียกว่า Disruption คือของใหม่บนโลกออนไลน์เข้ามาคุกคามทำลายโมเดลธุรกิจเก่า มาแย่งเอารายได้จากการขายเพลงไป

ถามว่า แล้วเงินขายเพลงมันหายไปไหน?...ไม่ได้หายไปไหนครับ แต่มันย้ายที่อยู่

1.ย้ายไปเป็นค่าโฆษณาบนยูทูป บนแอพหากท่านรู้จักเพลงเชือกวิเศษของวงลาบานูน ให้ท่านเดาเล่นๆว่ามีคนกดฟังบนยูทูปกี่ครั้ง ? … คำตอบคือ 281ล้านครั้ง !!!และทุกครั้งที่เรากดฟัง จะมีโฆษณาเปิดมาด้วยทุกครั้ง รายได้ของค่ายเพลงและนักร้องคือ สปอนเซอร์โฆษณา

2.ย้ายไปเป็นรายได้จากงานอีเวนท์พรีเซนเตอร์ และคอนเสิร์ต อย่าลืมว่า ค่าตัวการออกงาน ค่าตัวการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาและค่าบัตรคอนเสิร์ต ของยุคสมัยนี้ แพงกว่ายุคเก่าชนิดเทียบกันไม่ติด และยิ่งนักร้องออกงาน ผลงานก็ยิ่งกลายเป็นคลิปลงยูทูปแฟนคลับก็ยิ่งติดตามผลงาน แบรนด์ก็จ้างไปงานเปิดตัวสินค้า ยิ่งได้แฟนคลับที่ใหญ่ขึ้น ช่วยให้ได้งานอีเวนท์คอนเสิร์ต ส่งผลเกื้อกูลกันไม่มีจบสิ้น

ดังนั้น คุณค่าและมูลค่า ของธุรกิจเพลงไม่ได้หายไป แต่มันย้ายที่อยู่ ไม่ต่างอะไรกับแอพแชทแจกฟรีอย่าง LINE WhatsApp ที่มา 'ย้ายที่เงิน' รายได้ส่งข้อความ SMS MMS และรายได้โทรต่างประเทศ ของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในทุกประเทศ บริการแทกซี่ UBER Grabที่มา 'ย้ายที่เงิน' รายได้แท๊กซี่ในหลายประเทศ

ความเป็นไปของ 'เงินย้ายที่' เหล่านี้ หากไม่รู้เท่าทัน ประเทศไหนไม่เข้าใจ คงได้แต่อุทานว่า 'Who Moved My Money!!!'