อยู่กับความผันผวน

อยู่กับความผันผวน

มุมมองมีผลต่อภาพที่เห็นอย่างมาก ถ้าใส่ใจรายละเอียดมากไป ย่อมไม่อาจเห็นภาพรวมทั้งหมด

เมื่อมองไม่เห็นภาพใหญ่ ก็ยากที่จะประเมินสถานการณ์และทิศทางแนวโน้มได้ถูกต้อง

สถานการณ์โลกปัจจุบันเป็นตัวอย่างที่ดี บทบาท 3 ประสานของธนาคารกลางสหรัฐ-ยุโรป-ญี่ปุ่น ที่พิมพ์เงินท่วมโลก วิกฤติการเมืองในยูเครน-การเตรียมพร้อมสู่สงครามของรัสเซีย การเพิ่มบทบาทเงินหยวนใน IMF-การตั้งธนาคาร AIIB-ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ กลุ่ม ISIS-สงครามในตะวันออกกลาง-นิวเคลียร์อิหร่าน-ราคาน้ำมัน เฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ย-การกดราคาทองคำด้วย Short Future ปริมาณมหาศาล ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ถ้ามองเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่เกี่ยวข้องกันก็นับว่าไร้เดียงสายิ่ง

แล้วโหราศาสตร์มองอย่างไร? ในการมองภาพใหญ่ของสถานการณ์บ้านเมือง-ทิศทางโลก เราใช้โหราศาสตร์บ้านเมือง (Mundane Astrology) ซึ่งมีหลักการ เทคนิค และรายละเอียดที่แตกต่างจากโหราศาสตร์ชะตาบุคคล (Natal Astrology)

หลังจากวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ปี 2551-2552 โลกตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวัฏจักรมฤตยู-พลูโตที่เข้าทำมุม 90 กัน (Waxing-square Phrase) ในราศีมีน-ธนู ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 2555-2558 (+/- 2 ปี) วัฏจักรดาวคู่นี้บอกถึงช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกมิติ

มฤตยู-พลูโตอยู่ห่างไกลโลกมาก จึงเป็นดาวเคลื่อนที่ช้า การเข้าทำมุม 90 กันสนิท จึงเกิดขึ้นถึง 7 ครั้ง แต่ละครั้งก็สร้างการเปลี่ยนแปลงต่างๆ มากมาย เช่น การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในตะวันออกกลางและแอฟริกา (Arab Spring) ฯลฯ

ยิ่งเมื่อสัมพันธ์กับดาวอื่นๆ ก็ยิ่งเห็นปรากฏการณ์ที่รุนแรงและชัดเจน เช่น เมื่ออังคาร-พฤหัสเข้าร่วมเป็น Grand Cross ช่วงปี 56-57 เกิดวิกฤติการเมืองในยูเครนและไทย ด้านเศรษฐกิจก็เกิดวิกฤติหนี้สินของกรีซ ซึ่งมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อเกิด Grand Cross ซ้ำอีกครั้งในปี 58 รวมถึงการระบาดของเชื้ออีโบล่าในแอฟริกาตะวันตก และการเปิดโปงทุจริตต่างๆ ในวงการตำรวจ-สาธารณสุข-สงฆ์ไทย ฯลฯ

กลางปี 57 เมื่อพฤหัสออกจากเมถุน สภาพ Grand Cross ก็หมดไป การเมืองไทยเดินหน้าในเวลาไล่เลี่ยกัน ราหูยกเข้ากันย์ เกิดเป็นT-square ของราหู-มฤตยู-พลูโตขึ้นแทนที่ ราหูยกเข้ากันย์ครั้งนี้มีนัยยะพิเศษ เพราะเป็นการครบวงรอบ 18.6 ปี ของราหู และวิกฤติต้มยำกุ้งปี 39-40 ลำพังราหูก็น่าวิตกมากแล้ว เมื่อเกิดเป็นT-square เช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่สภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว

ราหูจรแต่ละราศีกินเวลา 1 ปีครึ่ง ในวิกฤติต้มยำกุ้ง ช่วงอันตรายที่สุดคือช่วงท้ายที่ราหูจรใน 10 องศาต้นราศี (ปฐมตรียางค์) ราหูเดิมอยู่มีน-ภพวินาศ เมื่อจรในกันย์-ภพอริ ศัตรูลับแผลงฤทธิ์-บ่อนทำลายบ้านเมืองอย่างหนัก ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ Hedge Funds กำลังโจมตีค่าเงินบาทเต็มกำลัง 

ขณะเดียวกัน ราหูที่จรในปฐมตรียางค์นี้ ทำมุมเล็ง 180 องศากับจุดสำคัญในดวงเมือง 2 จุด หนึ่งในนั้นคือศุกร์-ดาวการเงินของประเทศ ราหูกันย์ยังทำมุม 90 กับพฤหัส-เสาร์-มฤตยู อันเป็นดาวที่เกี่ยวกับอำนาจทางการเมือง การโจมตีค่าเงินของศัตรูลับ ส่งผลร้ายแรงมากต่อภาคเศรษฐกิจและการเมือง

ในวงรอบปัจจุบัน ราหูจรในปฐมตรียางค์ของราศีกันย์ ตั้งแต่กรกฎา 58 เป็นต้นไป ผู้บริหารบ้านเมืองควรตระหนักและตั้งอยู่ในความไม่ประมาทที่สุด โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ และก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้าราหูออกจากกันย์แล้ว ปัญหาเศรษฐกิจจะหมดไป อย่างที่นักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่วาดฝันเอาไว้อย่างสวยงาม มันมีแนวโน้มรุนแรงหนักขึ้นไปอีก ซึ่งจะได้อธิบายในโอกาสต่อไป

เสาร์เป็นอีกดาวสำคัญ ต้นพฤศจิกา 57 เสาร์ยกเข้าพิจิก พิจิกเป็นราศีของอังคาร อังคารเป็นดาวคู่ศัตรูของเสาร์ เสาร์จรในพิจิกจึงมีแนวโน้มให้โทษ พิจิกคือภพที่ 8 (มรณะ) ของดวงเมืองไทยและโลก อันเกี่ยวข้องกับภัยอันตราย ทุกข์โศก ความสูญเสีย ความวิบัติ ฯลฯ เสาร์เป็นบาปเคราะห์ใหญ่ เมื่อจรในภพร้าย ย่อมแสดงโทษทุกข์อย่างชัดเจน

ภพมรณะให้โทษร้ายแรงแค่ไหน? ต้นพฤษภา 54 ราหูยกเข้าพิจิก ถึงเดือนกันยา ราหูจรเล็งใกล้อังคารเดิมใน 5 องศา เมื่ออังคารจรเข้ากรกฎ-แม่ธาตุน้ำ-เป็นนิจจ์ ประตูน้ำบางโฉมศรีพังทลาย อันเป็นเหตุให้เกิดมหาอุทกภัย ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินมากมายแค่ไหน คงไม่ต้องบรรยาย แน่นอนราหูจรมรณะไม่ใช่ปัจจัยเดียว แต่มันเป็นปัจจัยสำคัญ

เช่นเดียวกับเสาร์จรพิจิกในปัจจุบัน เสาร์คือการจำกัด ขาดแคลน ล่าช้า ฯลฯ พิจิกเป็นธาตุน้ำ เสาร์จึงส่งผลให้เกิดภาวะแห้งแล้ง ยิ่งช่วงที่เสาร์พักร์ (Retrogradation) ตั้งแต่กลางมีนา-ต้นสิงหา 58 ยิ่งแล้งหนัก เสาร์ไม่เกี่ยวข้องกับฝนโดยตรง แต่มันชี้ถึงเภทภัยจากความแห้งแล้งมากกว่า

เสาร์คือดาวการเมืองไทย เสาร์จรเข้ามรณะ การเมืองไม่ดี (รัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร) ที่สำคัญคือไร้เสถียรภาพ โชคดีที่ได้แสงตรีโกณจากพฤหัส (อุจจ์) กรกฎและมุม 120 จากมฤตยูมีน ช่วยประคองให้เกิดความมั่นคง นับแต่กลางกรกฎา 58 พฤหัสยกเข้าสิงห์ ทำมุม 90 กับเสาร์ อีกทั้งมฤตยูก็เปลี่ยนเป็นมุมเบียน 135 แทน รัฐบาลและภาคการเมืองจะสั่นคลอน-หวั่นไหว-ไร้เสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

ภพที่ 8 ยังหมายถึงการเงินและกระแสเงินทุน (Fund Flow) จากหุ้นส่วน คู่ค้า ฯลฯ เสาร์ที่เข้าภพนี้ ชี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหดตัว รายได้จากภาคส่งออกจึงลดลงตามไปด้วย ต่างจากช่วงปี 55-57 ที่เสาร์จรตุลย์ส่งกระแสเป็นเกณฑ์ 3 ไปยังเสาร์เดิมในภพที่ 9 (ธนู) การส่งออกเกิดปัญหาจากตัวเราเอง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร (เสาร์) อันเป็นผลจากนโยบายจำนำข้าวและประกันราคาพืชผลเกินจริง

วันที่ 2 สิงหา 58 เสาร์วิกลคติเสริด (Stationary-direct: หยุดนิ่งเพื่อเดินหน้า) ที่ 4 องศา 12 ลิปดาในราศีพิจิก จากนั้นเสาร์เดินหน้าไปเรื่อย จนเข้าเล็งอังคารเดิม-ดาวเจ้าเรือนลัคน์และเจ้าเรือนมรณะในปี 59  นี่คือเหตุผลสำคัญที่ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทรุดตัวลงอีก (วิกฤติต้มยำกุ้ง 2) ไม่ใช่ดีขึ้นอย่างที่คาดกัน

พฤหัสที่ยกเข้าราศีสิงห์คืออีกประเด็นสำคัญ นักโหราศาสตร์จำนวนมากประโคมข่าวว่า พฤหัสจรสิงห์เป็นเรื่องดี-โอกาสดีของบ้านเมือง เพราะจรในภพ 5 อันเป็นภพดีที่ให้คุณ ทั้งยังตรีโกณถึงลัคน์-อาทิตย์เดิมในเมษและพฤหัส-เสาร์เดิมในธนู ซึ่งก็ไม่ผิด แต่เกินจริง !

พฤหัสสิงห์เป็นเกณฑ์กับเสาร์พิจิก ทั้งคู่กำลังเข้ามุม 90 กัน พฤหัสคือดาวแห่งการเติบโต-ขยายตัว เสาร์คือดาวแห่งการจำกัด-ขาดแคลน เมื่อทำมุมร้ายกัน พฤหัสจะแสดงอิทธิพลได้ไม่เต็มที่ ผลลัพธ์ที่ว่าดีมากจะไม่เกิดขึ้น แต่ที่น่ากลัวกว่าคืออิทธิพลดาวที่หักล้างกันเอง เกิดเป็นแรงกระเพื่อมหนัก กลายเป็นความผันผวน (Volatility) อย่างมาก

-----------------

ชูศักดิ์ จงธนะพิพัฒน์

[email protected]