โอกาสทองของ "คสช"

โอกาสทองของ "คสช"

ต้องยอมรับว่าการควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของ "คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ"(คสช.)

ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ถึง วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 รวมเวลาผ่านมา 2 เดือน กระแสตอบรับการทำงานด้านสังคม ความมั่นคง มีเสียงสนับสนุนเป็นอย่างดี เพราะความรวดเร็ว และการตัดสินใจที่เด็ดขาดแบบทหารนั่นเอง ทำให้ประชาชนพึงพอใจในผลการทำงานในช่วงที่ผ่านมา

รวมถึงความพยายามในการเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศที่ติดต่อฝ่ายทูตทหาร และทูตพิเศษในการเจรจาทำความเข้าใจกับหลายประเทศ ให้เข้าใจถึงสาเหตุการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศไทยในครั้งนี้ ทำให้ประชาชนเห็นถึงความตั้งใจในการทำงาน

สิ่งหนึ่งที่สังคมกำลังจับตามองการบริหารงานของ คสช.คือการทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้ต้องทำให้ได้ตามปฏิทินเวลาหรือตามโรดแมพ (Roadmap) ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เคยพูดไว้ในรายการ "คืนความสุขให้แก่คนในชาติ” ผ่านทางโทรทัศน์รวมรายการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมาถึงแผนโรดแมพที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง 3 ระยะ

2 เดือนที่ผ่านมาถือว่า คสช.ผ่านแผนโรดแมพระยะที่ 1 มาได้ด้วยดี เพราะการเข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของ คสช.มีกระแสความเคลื่อนไหวต่อต้านค่อนข้างน้อย จึงถือเป็น "โอกาสทอง" ในการบริหารประเทศในยามที่มีอำนาจอยู่ในมือ ใช้อำนาจ และต้องปกครองให้ได้ แต่การบังคับใช้อำนาจ นอกจากรวดเร็ว เรียบร้อย สวยงาม ที่สำคัญต้องเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นธรรมด้วย

จากนี้ไปถือว่า คสช.ได้ผ่านแผนโรดแมพระยะ 1 หลังมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 เพื่อใช้ในการบริหารประเทศแล้วและกำลังเข้าสู่แผนโรดแมพระยะ 2 จะเข้าสู่การจัดตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้ามาบริหารประเทศ ภายในเดือนกันยายน 2557 ส่วนสภาปฏิรูปแห่งแห่งชาติ จะใช้วิธีการสรรหา ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ทรงคุณวุฒิ จากทุกภาคส่วนจังหวัดเข้ามาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ และเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ภายในเดือนตุลาคม

โดยสภาปฏิรูปแห่งชาตินอกจากมีหน้าที่หลักวางกรอบการปฏิรูปประเทศแล้ว ยังมีหน้าที่จะจัดทำและรวบรวมข้อเสนอแนะที่ได้มาจากฝ่ายต่างๆ ส่งต่อไปยังคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สุดท้ายก็น่าจะเป็น “รัฐธรรมนูญปี 58”

ต้องยอมรับว่าโรดแมพระยะ 2 อาจเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านพิสูจน์ฝีมือการทำงานอย่างแท้จริงของ คสช. เพราะระยะ 2 ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวโยงกับการเมืองโดยตรง ดังคำที่ว่า การเมืองเป็นเรื่องของ "การช่วงชิงอำนาจ" ดังนั้นการจัดวางบุคคลไปอยู่ในทุกตำแหน่ง ตั้งแต่ สนช., ครม. และสภาปฏิรูปแห่งชาติจะถูกจับตามากที่สุด เพราะถือเป็นช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองการจัดวางบุคคลจึงต้องปราศจากเงื่อนไข และเกิดคำถาม หรือมีคำถามน้อยที่สุด

จากนี้ไปจึงต้องจับตาดูว่าบุคคลหรือตัวแทนทุกภาคส่วน จะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหา และร่วมกันหาทางออกของประเทศก่อนที่จะสรุปเป็นร่างกฎหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศได้มากน้อยแค่ไหน?