ประเทศไทย เรากำลังอยู่ในยุคที่ผมจะเรียก ว่า

ประเทศไทย เรากำลังอยู่ในยุคที่ผมจะเรียก ว่า

"crisis Transition Revolution" คือ เราไม่มี "ผู้นำ" ที่จะพาประเทศออกไปจากวิกฤติในเวลานี้

หันไปมองที่ตัวนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่แม้จะแสดงศักยภาพความเป็นผู้นำได้ดีเหนือความคาดหมาย หลังจากที่เป็นนายกรัฐมนตรี มา 1 ปี แต่ไทยเรากำลังต้องการผู้นำที่เข้มแข็งกว่านี้ โดยเฉพาะการพาประเทศออกไปจากคดีปราสาทพระวิหาร ที่เวลานี้ มีผู้ต้องการให้รัฐบาลประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ซึ่งออกจะเป็นข้อเรียกร้องที่เป็นไปได้ยากยิ่ง

>>> ครั้นหันไปมอง ผู้นำมวลชน ที่ประกาศจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อไม่ให้ไทยเสียดินแดน อย่าง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ก็ล้วนแต่เป็น "คนหน้าเดิม" ที่ให้รูปแบบการต่อสู้ของคนเหล่านี้มาแล้ว เพราะฉะนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังคำตัดสินคดีพระวิหาร หากประเทศไทยแพ้คดี คือ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ก็จะอยู่ลำบากเพราะจะเกิดการปลุกกระแสคลั่งชาติ ต่อต้านรัฐบาลว่าเป็นตัวการทำให้ไทยเสียดินแดน

>>> แต่ถึงกระนั้น สังคมก็ไม่อาจจะคาดหวังว่า ทั้ง น.ต.ประสงค์ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ และไชยวัฒน์ จะทำอะไรได้มากไปกว่าการนำมวลชนมากดดันรัฐบาล โดยที่ไม่รู้ว่า สิ่งที่คนเหล่านี้พยายามจะชู "รัฐบาลแห่งชาติ" ขึ้นมาแก้ปัญหาประเทศ นั้นจะทำได้อย่างไรในทางปฏิบัติ

>>> สืบเนื่องจากภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นการร่วมตัวกันของภาคเอกชนร่วม 46 องค์กร ได้ประกาศ "ปรับเปลี่ยน" องค์กรเป็นมูลนิธิองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) โดยใช้ชื่อดำเนินงานว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จึงมีการปรับเปลี่ยนช่องทางสื่อสารออนไลน์ขององค์กรใหม่ โดยเปลี่ยนไปใช้เพจใหม่ คือ เพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง

>>>เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านเทคนิคที่เฟชบุคไม่อนุญาตให้เปลี่ยนชื่อเพจเมื่อมีสมาชิกเกิน 200 จึงมีความจำเป็นต้องสร้างเพจใหม่ขึ้นมาใช้งาน จึงเรียนเชิญชวนสมาชิกเพจภาคีฯ ติดตามข่าวสาร การดำเนินงานต่าง ๆ ได้ที่ เพจองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น https://www.facebook.com/ACT.AntiCorruptionThailand

>>> ส่วนเพจภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ได้หยุดกิจกรรมทุกอย่าง ซึ่งครอบคลุมการโพสต์ข่าวสาร การตอบคำถาม การรับเรื่องร้องเรียนการทุจริต ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไป

>>> ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ประมนต์ สุธีวงศ์ พูดถึงการถอนละครเหนือเมฆ 2 ซึ่งเป็นละครต่อต้านคอร์รัปชัน ว่า ขณะนี้สังคมได้ตัดสินไปแล้วว่าละครเหนือเมฆ ถูกอำนาจเบื้องหลังสั่ง มากกว่าช่อง 3 ตัดสินใจด้วยตัวเอง น่าจะมีคนอยู่เบื้องหลัง

>>> ในองค์กรฯ ได้คุยกัน เนื่องจากเนื้อหาเกี่ยวข้องกับต่อต้านคอร์รัปชัน กำลังดูว่าจะให้ความเห็นอย่างไร จริงๆ แล้วเป็นเรื่องของสื่อมากกว่าที่จะช่วยคิดกันว่าเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้ สื่อควรรับผิดชอบอย่างไร ถ้าถูกข่มขู่ สื่อกันเองน่าจะหารือและมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไร สื่อต้องไม่ยอมรับความไม่ถูกต้องเสมอไป สื่อเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะประชาชนรับฟังความเห็นจากสื่ออะไรที่ถูกต้องไม่ถูกต้องควรแสดงออกโดยสื่อ

>>> ด้านการสนับสนุนโฆษณาช่อง 3 ที่ผูกโยงกรณี "ไร่ส้ม" คุณประมนต์ บอกว่า อยากสนับสนุนผู้ชม ได้มีจิตสำนึกเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้อง วิธีการที่ดีที่สุดคือไม่เข้าชมรายการของช่องนั้น เท่ากับแสดงพลังของสังคม ถ้าองค์กรไหนไม่กล้าแข็งขืนสู้ความไม่ถูกต้อง สังคมก็ไม่สนับสนุน