ซันเดย์ อินชัวร์เทค ดีไซน์ประกันที่ใช่ด้วยดาต้า

โลกของธุรกิจประกันภัยวันนี้เปลี่ยนโฉมหน้าไปจากเดิมมาก การซื้อและเคลมทำได้ง่ายแค่ปลายนิ้วคลิก แต่การจะเสาะหาความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน คงเป็นเรื่องยากมากหากไร้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและทรงพลังอย่าง Big Data Analytics และ Machine Learning ที่จะมาช่วยให้การออกแบบโปรดักท์ประกันออกมาได้ตรงใจกับสิ่งที่ผู้ซื้อประกันกำลังมองหา
การทำความเข้าใจกับผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ “ซันเดย์” แพลตฟอร์มประกันให้ความสำคัญ และทำให้เห็นด้วยว่า การทำธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย “ดาต้า” มีความสำคัญเพียงใด
ซันเดย์ อินส์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อสิงหาคม 2560 โดยผู้ก่อตั้ง “ซินดี้ กัว” ตั้งใจให้การประกันภัยแบบดิจิทัลผ่านช่องทางออนไลน์ easysunday.com ที่ครอบคลุมบริการด้านประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันที่อยู่อาศัย และประกันการเดินทางนั้นเป็นเรื่องง่ายและตอบโจทย์ในแต่ละไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค ด้วยการนำเทคโนโลยี ทั้ง Big Data Analytics, Machine Learning และ Internet of Things มาเปลี่ยนโฉมบริการด้านประกันภัยในไทย
จากการศึกษาตลาดในไทยที่ผ่านมา “สุรเดช พานิช” ผู้บริหารด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Chief Data Scientist ) ซันเดย์ พบว่า “คนซื้อไม่รู้ว่าซื้อประกันอะไรไป หลายๆ คนก็ไม่คิดจะซื้อ ไม่เห็นความสำคัญจนเมื่อเกิดเหตุขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ ซันเดย์ มุ่งเน้นคือ ทำอย่างไรให้คนไม่กลัวการทำประกัน และเข้าใจว่า การซื้อประกันเป็นการซื้อเพื่อแบ่งเบาความเสี่ยงในชีวิตและเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคจริงๆ
การให้บริการในไทย สิ่งที่ทำให้ ซันเดย์ แตกต่างจากประกันรายอื่นๆ อยู่ที่การนำเทคโนโลยี Big Data Analytics และ Machine Learning เข้ามาทำการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก เพื่อนำไปสู่การออกแบบโปรดักท์ประกันที่ซับซ้อนและเข้าใจได้ยากให้เป็นเรื่องง่าย และสามารถตอบความต้องการได้ในระดับบุคคล
ข้อดีของการนำ Machine Learning หรือ AI (Artificial Intelligence) มาใช้ในการสร้างโมเดลการประเมินความเสี่ยงของผู้เอาประกัน สามารถสร้างความหลากหลายของโปรดักท์ที่ยืดหยุ่น และเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละคนที่มีความต้องการแตกต่างกัน ด้วยราคาเบี้ยประกันที่ถูกกว่า จากการเลือกจ่ายเฉพาะในส่วนที่มีความจำเป็นต้องใช้งานเท่านั้น โดยซันเดย์มีด้วยกัน 5 กลุ่ม ได้แก่ ประกันอุบัติเหตุ ประกันการเดินทาง ประกันอสังหาริมทรัพย์ ประกันรถยนต์ และประกันสุขภาพ
ในกรณีของประกันสุขภาพ ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลได้ในระดับเป็นพันตัวแปรทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ใช่ที่สุดสำหรับลูกค้าแต่ละคน ซึ่งแต่ละคนมีความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ผู้ซื้อประกันเลือกได้ว่าจะคุ้มครองแบบไหน และเลี่ยงในความคุ้มครองบางข้อ เมื่อเห็นว่าไม่จำเป็นนักสำหรับตัวเอง
การทำตลาดแบบบีทูบี (Business to Business) เริ่มต้นแล้ว โดยซันเดย์ได้ร่วมมือกับเอชอาร์ในองค์กรต่างๆ ที่มองหาโปรดักท์ประกันสุขภาพให้เป็นสิทธิประโยชน์กับพนักงานในองค์กร ซึ่ง สุรเดช ย้ำว่า โมเดลการวิเคราะห์ข้อมูลของซันเดย์ มีมากกว่า 500-600 ตัวแปร เพื่อวิเคราะห์จะทำให้เกิดข้อดีทั้งในส่วนของเอชอาร์และองค์กร รวมทั้งพนักงาน ในส่วนของเอชอาร์ สามารถบริหารจัดการงบประมาณได้ดีและตอบสนองความต้องการของพนักงานได้ตรงจุด ด้วยรีพอร์ตที่ซันเดย์ ทำให้ในแต่ละปีจะทำให้เอชอาร์ได้เห็นและจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดได้
สำหรับพนักงาน แม้เป็นประกันสุขภาพกลุ่มโดยองค์กร แต่ข้อเด่นของซันเดย์คือ ประกันที่ให้ลูกค้าแต่ละคนสามารถปรับความคุ้มครองได้ โดยเลือกหัวข้อที่ต้องการจริง จากสิ่งที่ซันเดย์นำเสนอ จึงมีมากกว่า 20-30 องค์กรตั้งแต่องค์กรขนาดเล็กมีพนักงาน 5 คนจนถึงองค์กรในขนาดพันคนที่ใช้บริการนับจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายปี 2561 โดยประกันสุขภาพที่นำเสนอนี้สามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการด้านสิทธิประโยชน์ให้กับทุกคนในองค์กร รวมถึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ดึงดูดและรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์รกรเอาไว้ได้
“ตลาดองค์กรที่น่าสนใจ คือ สตาร์ทอัพในไทย ซึ่งสิ่งที่องค์กรขาดคือ benefit ที่ต้องใช้เพื่อดึงทาเล้นท์ เช่น data scientist ที่วันนี้หายาก และมีผลตอบแทนสูง ให้อยู่กับองค์กร”
แผนขยายธุรกิจต่อจากนี้ สุรเดช มองว่า ตลาดประกันภัยในไทยยังเติบโตได้อีกมาก ด้วยความที่ adoption rate ประกันยังต่ำ โอกาสขยายฐานลูกค้ายังทำได้อีกมาก ความท้าทายอยู่ที่ทำอย่างไรจะออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการผู้บริโภค นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าต้องการในเวลาที่ถูกต้องจริงๆ โดยปีนี้ ซันเดย์ เตรียมขยายตลาดด้วยการตั้งออฟฟิศในต่างจังหวัดเพิ่มเติมเพื่อเจาะตลาดเอสเอ็มอีในภูมิภาค รวมถึงมองการเติบโตไปที่ตลาดต่างประเทศไว้ในปี 2563
การเดินทางของ ซันเดย์ จากจุดเริ่มต้นถึงวันนี้ สุรเดชย้ำว่า เป็นการแข่งขันกับรายใหญ่ด้วยมุมมองที่ไม่เหมือนกัน บริษัทประกันส่วนใหญ่มองว่าประกันคือความเสี่ยง ขณะที่ ซันเดย์ มองเรื่องการนำดาต้ามาวิเคราะห์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีให้กับลูกค้า โดยจุดเด่นสำคัญคือ เข้าใจง่าย ซื้อง่าย เคลมง่าย และจ่ายเท่าที่จำเป็น ซึ่งเป็นการนำเสนอโปรดักท์ประกันในรูปแบบใหม่ที่ต่างไปจากการซื้อประกันในแบบเดิมๆ







