เรื่องของยางอะไหล่

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จบลงไปเมื่อวานนี้ จะมีผลเป็นอย่างไรผมไม่สามารถทราบได้
เพราะด้วยระบบการผลิตทำให้ผมต้องส่งข้อเขียนตอนนี้ มาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ปลายสัปดาห์แล้ว แต่หากประเมินจากสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม ขอเดาล่วงหน้าเอาไว้ว่าคงจะยุ่งเหยิงวุ่นวายไม่แพ้การเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
ในประเทศที่ประชาชนมีระดับความรู้ต่างกันไม่มาก ประชากรเป็นผู้รับรู้ทั้งสิทธิและหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมา และปฏิบัติต่อประชาชนทุกคนด้วยความเท่าเทียมกัน ผู้รักษากฎหมายทำหน้าที่รักษากฎหมายตามที่มีการตรากันขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้รักษากฎหมายที่อยู่ในระบบยุติธรรมทั้งกระบวนการ ต่างทำหน้าที่ของตนเองโดยเคร่งครัด ประเทศซึ่งเข้าข่ายตามที่กล่าวมาย่อมได้รับประโยชน์เต็มที่ จากระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งโดยตรง
กฎเกณฑ์เดียวกันไม่สามารถนำมาวัดระดับความเป็นประชาธิปไตยของประเทศที่มีเงื่อนไขต่างไปเช่นประเทศไทยได้ เพราะเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าสังคมไทยส่วนใหญ่อยู่ในระบบอุปถัมภ์และระบบต่างตอบแทนบุญคุณแก่กันและกัน การที่ประชาชนจำนวนมากจะเลือกให้ใครไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของตนเองในสภา ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครคนนั้นมีบุญคุณทางใดทางหนึ่งต่อตนเองโดยส่วนตัวหรือไม่เท่านั้น
ดังนั้น การที่นานาชาติหรือชาติใดชาติหนึ่ง จะเอามาตรฐานของตนเองไปตัดสินชาติอื่น มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อชาติที่ถูกตัดสิน เปรียบได้กับชาติตะวันตกเมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร ก็จะตักอาหารใส่จานของใครของมันทีละจานไม่รับประทานร่วมกัน ในขณะที่ชาติตะวันออกเกือบทั้งหมดจะรับประทานอาหารในลักษณะ "สำรับคับคอน" กล่าวคือเอากับข้าวหลายๆ อย่างจัดวางรวมกัน แล้วก็มานั่งล้อมวงรับประทานอาหารในจานเดียวกันนั่นเอง
ประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละเชื้อชาติย่อมมีที่มาที่ไปต่างกัน ความคิดและการดำรงชีวิตหรือที่เรียกกันตามศัพท์สมัยใหม่ว่า วิถีชีวิตของผู้คนย่อมต่างกันออกไปด้วย แต่คนในชาติที่มีความเจริญทางวัตถุมากกว่า หรือในชาติที่มีพลังต่อรองทางการทหารหรือทางการค้ามากกว่า มักจะเอามาตรฐานความคิดและการใช้ชีวิตของคนในชาติตัวเอง ไปตัดสินชาติอื่นๆ อยู่เสมอมาตราบจนถึงทุกวันนี้
ที่ผมกล่าวเกริ่นถึงมาตรฐานตามแนวคิดของผู้คนขึ้นมานั้น ก็เพราะว่าปัจจุบันนี้มาตรฐานหรือวิธีการใช้รถยนต์ของคนในแต่ละภูมิภาคของโลกนี้ ยังมีการเรียนรู้ที่ต่างกันออกไป เหมือนกับคำถามที่ผมได้รับมาจากผู้อ่านสองสามท่านซึ่งถามเกี่ยวกับเรื่องของยางอะไหล่มาในมุมมองที่ต่างกันออกไปดังนี้
ท่านแรกถามมาว่ารถยนต์ที่ซื้อมาใหม่มียางอะไหล่ขนาดเล็กกว่ายางที่ใช้ทั้ง 4 ล้อ เมื่อต้องนำยางอะไหล่มาใช้งานควรใช้งานอย่างไรจึงจะถูกต้อง ส่วนท่านที่ 2 ถามมาว่ารถยนต์ที่ซื้อมาไม่มียางอะไหล่ติดมาให้ เมื่อเกิดปัญหายางรั่วหรือยางแตกกลางทางระหว่างใช้งานจะต้องทำอย่างไร และการที่ผู้จำหน่ายรถยนต์ไม่ให้ยางอะไหล่มาด้วยเป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่
ผมขอตอบรวมๆ กันไปว่า ยางอะไหล่ไม่ว่าจะเป็นยางชนิดไหนแบบใดก็ดี ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นยางอะไหล่ อันหมายถึงต้องนำมาใช้เมื่ออยู่ในภาวะฉุกเฉินหรือไม่ปกติเท่านั้น
ดังนั้น การนำยางอะไหล่มาใช้งานโดยทั่วไป จึงต้องใช้ในสภาพที่ต่างไปจากยางประจำรถทั้งสี่ล้อด้วย เช่น ต้องใช้ในสภาพความเร็วที่อยู่ในระดับประคองรถ ไปจนถึงจุดหมายปลายทาง หรือไปจนถึงที่ซึ่งสามารถหายางมาตรฐานมาใช้งานต่อไปได้เท่านั้น แม้ว่ายางอะไหล่จะมีขนาดของยางเท่ากันกับยางประจำรถทั้ง 4 ล้อทุกประการ ก็ตามที ก็ไม่ควรใช้งานเต็มตามประสิทธิภาพเท่าที่เคยใช้กับยางประจำรถปกติ
ส่วนกรณีของรถยนต์ที่ไม่มียางอะไหล่ติดมาให้ด้วยนั้น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ถือว่าเป็นรถยนต์ที่อุปกรณ์ส่วนควบไม่ครบ หรือเท่ากับเป็นรถยนต์ที่ผิดกฎหมายนั่นเอง โดยที่กฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นมานานมากกว่า 40 ปีแล้ว ผู้ตรากฎหมายจึงตราขึ้นมาตามแนวคิดหรือประเพณีปฏิบัติในยุคนั้น เมื่อรถยนต์ในยุคสมัยนี้มีการพัฒนามากขึ้น กฎหมายที่เกี่ยวกับรถยนต์หลายข้อจึงควรได้รับการแก้ไขเพื่อให้ทันสมัยไปกับเทคโนโลยีด้วย
ผมเข้าใจว่ารถยนต์ที่ไม่มียางอะไหล่ติดมาให้ ส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์แบบไฮบริด ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องเอาพื้นที่สำหรับเก็บยางอะไหล่ไปใช้เป็นพื้นที่สำหรับเก็บแบตเตอรี่ไฮบริด ดังนั้น ผู้ผลิตจึงมักจะให้น้ำยาสำหรับอุดรูรั่วและเติมแรงดันลมในยาง แถมมาให้พร้อมกับรถแทนที่ยางอะไหล่
ใช้รถยนต์ลักษณะนี้ จึงต้องศึกษาวิธีการใช้อุปกรณ์หรือน้ำยาดังกล่าวให้เข้าใจ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์รถยนต์ของตนเอง กรณียางรั่วแบนกลางทางขณะใช้งาน...ได้ครับ







