ประเมินตลาดรถหรูจีนแซงหน้าสหรัฐปี 59

ประเมินตลาดรถหรูจีนแซงหน้าสหรัฐปี 59

แมคคินซีย์ ประเมินจีนจะแซงหน้าสหรัฐในการเป็นตลาดรถหรูใหญ่สุดของโลก ภายในปี 2559 ปัจจัยหลักมาจากคนจีนมีรายได้เพิ่มขึ้น

บริษัทแมคคินซีย์แอนด์คอมปานี ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาการจัดการทั่วโลก ออกรายงานเมื่อวันจันทร์ (4 มี.ค.) ว่า ตอนนี้ จีนได้รั้งตำแหน่งตลาดรถยนต์หรูที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับที่ 2 รองจากสหรัฐ ด้วยยอดขาย 1.25 ล้านคันเมื่อปีที่แล้ว และสามารถจะเพิ่มขึ้นไปเป็น 2.25 ล้านคันในปี 2559 และเป็น 3 ล้านคันในปี 2563

แม็คคินเซย์ ได้ให้คำนิยามสำหรับ "พรีเมียม คาร์" ในจีนว่า เป็นรถยนต์ที่มีราคาตั้งแต่ 2 แสนหยวน ไปจนถึง 1.2 ล้านหยวน หรือราว 960,000 - 5,700,000 บาท ยกเว้นรถหรูระดับพิเศษหรือ "อัลตร้า ลักซ์ชัวรี่" ที่มีราคาสูงกว่านี้ โดยตลาดรถหรูของสหรัฐ ขายรถได้ประมาณ 1.7 ล้านคัน เมื่อปี 2555 และคาดว่า จะเพิ่มเป็น 2.3 ล้านคัน ในปี 2563

ชา ชา หุ้นส่วนของแม็คคินเซย์ และผู้เขียนรายงานฉบับนี้ ระบุว่า จีนเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ความมั่นใจต่ออนาคตของประชาชนมีสูงมาก พวกเขาต้องการยกระดับ และมีแรงปรารถนาที่จะซื้อรถหรู


ด้านผู้ผลิตรถหรูในเยอรมนี รวมทั้ง ออดี้ , บีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส เบนซ์ ครองส่วนแบ่งในตลาดรถหรูของจีน 80 เปอร์เซ็นต์ แต่การแข่งขันในตลาดรถยนต์หรูก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดย เจนเนอรัล มอร์เตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เพิ่งจะเปิดตัวรถหรู คาดิลแล็ค เอ็กซ์ทีเอส เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ปัจจุบันจีนรั้งตำแหน่งตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลกอยู่แล้ว จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี 2555 เป็น 19.31 ล้านคัน แต่การที่เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และมีการจำกัดจำนวนรถยนต์ในเมืองขนาดใหญ่บางแห่ง
รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ได้กระทบต่อยอดขายรถยนต์ของญี่ปุ่นในตลาดจีนเมื่อปีที่แล้ว
แม็คคินซีย์ ระบุว่า

รายได้ที่เพิ่มขึ้น, ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ, ความปรารถนาที่จะซื้อรถหรูมาครอบครอง และความต้องการยกระดับทางสังคม ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนตลาดรถยนต์หรู การที่ครอบครัวชาวจีน ซื้อรถยนต์คันที่สอง หรือคนชั้นกลางยกระดับตัวเองจากการใช้บริการขนส่งสาธารณะพื้นฐาน เป็นปัจจัยใหม่ที่ผลักดันตลาดรถยนต์หรูเช่นกัน