'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

"Bosch" ตอกย้ำความมุ่งมั่นในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค ตั้งมั่นเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ พร้อมให้คำปรึกษาทางเทคนิค และให้บริการด้านโซลูชัน

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด หรือ Bosch บริษัทวิศวกรรมและเทคโนโลยีสัญชาติเยอรมัน เข้าร่วมงาน "Mobility Tech Asia Bangkok 2025" พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้คำปรึกษาทางเทคนิค และให้บริการด้านโซลูชัน

ยานยนต์แห่งอนาคต

แม้ในปัจจุบันระบบส่งกำลัง ระบบควบคุมพวงมาลัย และระบบเบรกยังคงควบคุมแยกจากกัน แต่ในอนาคต ซอฟต์แวร์ส่วนกลางสำหรับการเคลื่อนที่ของยานพาหนะจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า ส่วนประกอบทั้งหมดจะทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานกัน เพื่อฟังก์ชันข้ามโดเมนใหม่ๆ และปรับแต่งให้เข้ากับดีเอ็นเอเฉพาะตัวของยานพาหนะ

เช่น แนวคิดการควบคุมอัจฉริยะ "Vehicle Dynamics Control 2.0" ซึ่งเป็นฟังก์ชันย่อยของระบบจัดการการเคลื่อนที่ของยานพาหนะโดยรวม ทำให้สามารถคาดการณ์พฤติกรรมของยานพาหนะและเข้าแทรกแซงเชิงรุกได้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความคล่องตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การขับขี่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (Steer-by-wire) ช่วยเพิ่มฟังก์ชันและคุณสมบัติใหม่ๆ รวมถึงแนวคิดการตกแต่งภายในแบบใหม่ โดยตัดการเชื่อมต่อทางกลไกระหว่างแอคชูเอเตอร์พวงมาลัยและแอคชูเอเตอร์แร็คพวงมาลัย

โซลูชันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มั่นใจถึงสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องตัวและทรงพลัง มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยแปลงพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานกล ช่วยให้สามารถขับเคลื่อนแบบไฮบริดหรือแบบไฟฟ้าล้วนได้

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

นอกจากนี้ Bosch ยังพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ โดยให้ความสำคัญกับปัจจัยสองประการ คือ โซลูชันทางเทคนิคและความไว้วางใจจากผู้บริโภค

ในกรณีที่ยานยนต์อัตโนมัติถูกโจมตีทางไซเบอร์ แนวคิดความปลอดภัยไอทีหลายชั้นของ Bosch จะช่วยปกป้องระบบต่างๆ ของยานยนต์จากการเข้าถึงและการจัดการโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นไมโครคอนโทรลเลอร์ ชุดควบคุม ระบบสื่อสารภายในยานยนต์ ระบบไฟฟ้าภายในยานยนต์ และส่วนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและคลาวด์ ล้วนได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยเฉพาะ

แม้ว่าผู้โจมตีจะสามารถเอาชนะกลไกความปลอดภัยเฉพาะส่วนได้ แต่ก็จะไม่สามารถเข้าถึงระบบทั้งหมดและส่วนประกอบสำคัญด้านความปลอดภัยได้ นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์ตรวจจับการโจมตียังได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องยานยนต์อัตโนมัติและป้องกันภัยคุกคามใหม่ๆ ด้วย

สำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติขั้นสูงและเต็มรูปแบบ ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องคอยตรวจสอบระบบอีกต่อไป ดังนั้นระบบจึงต้องรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสาร เพื่อป้องกันระบบจากการทำงานผิดปกติ ระบบย่อยที่สำคัญต่อความปลอดภัย เช่น ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ระบบจ่ายไฟออนบอร์ด และการประมวลผลข้อมูล ได้รับการออกแบบให้ทำงานซ้ำซ้อนและควบคุมอย่างเป็นอิสระ

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

เมื่อระบบย่อยใดระบบหนึ่งล้มเหลว ระบบสำรองที่เกี่ยวข้องจะสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ทำให้รถหยุดนิ่งอย่างปลอดภัยในสถานการณ์วิกฤติ โดยหัวใจสำคัญของยานยนต์อัตโนมัติอยู่ที่ซอฟต์แวร์ที่ทำงานบนคอมพิวเตอร์ของรถยนต์ในรูปแบบของอัลกอริทึมแบบปรับตัว ซอฟต์แวร์จะวิเคราะห์และตีความข้อมูลที่เข้ามาจากเซนเซอร์โดยรอบ

Bosch ผสมผสานเทคโนโลยีเอไอ เข้ากับอุปกรณ์รถหลากหลายส่วน เพื่อช่วยให้การขับขี่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น กล้องวิดีโอหน้ารถรุ่นใหม่ มีบทบาทสำคัญในระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ เพราะช่วยให้รถยนต์สามารถตรวจจับวัตถุและบุคคลได้อย่างแม่นยำตลอดเวลา

เมื่ออัลกอริทึมการประมวลผลภาพแบบคลาสสิกผสานรวมกับวิธีการปัญญาประดิษฐ์จะช่วยตรวจจับวัตถุที่ยืดหยุ่น ทำให้กล้องวิดีโอเหมาะสำหรับการใช้งานกับระบบขับขี่อัตโนมัติมากยิ่งขึ้น โดยกล้องวิดีโอมีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีระยะตรวจจับสูงสุด 300 เมตร โดยมีมุมมองแนวนอนถึง ± 60° ขณะที่แนวตั้งมีมุมมองอยู่ที่ 54.8°

นอกจากนี้ เซนเซอร์อัลตราโซนิกช่วยให้จอดรถได้อย่างสะดวกสบายในพื้นที่จอดรถขนาดเล็กมาก ขับขี่ในที่แคบ และจอดรถอัตโนมัติ/ระยะไกล สามารถตรวจจับสูงสุด 5.5 เมตร และตรวจจับต่ำสุด 15 เซนติเมตร โดยระบบนี้รองรับฟังก์ชันเบรกฉุกเฉินที่ความเร็วต่ำ ผ่านการตอบสนองต่อสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น คนเดินถนนหรือเสาได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร ก่อสร้าง และโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นระบบสำหรับการหลีกเลี่ยงการชนและการทำงานอัตโนมัติของเครื่องจักรเคลื่อนที่

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

บริการ Battery in the Cloud

รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสองมากขึ้น สุขภาพแบตเตอรี่จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดมูลค่าและความน่าเชื่อถือ โซลูชันอย่าง "Battery in the Cloud" ที่ Bosch คิดค้นจะสามารถช่วยเสนอข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ทั้งข้อมูลเกี่ยวกับสภาพและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ซื้อและผู้ขายมีความโปร่งใสและมั่นใจ

บริการ Battery in the Cloud เป็นนวัตกรรมที่ Bosch ได้ผสานรวมข้อมูลปริมาณมากจากกลุ่มยานพาหนะ (บิ๊กดาต้า) เข้ากับเทคโนโลยีคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ในขั้นแรก ข้อมูลแบตเตอรี่ปัจจุบันจะถูกรวบรวมและกรองล่วงหน้า โดยหน่วยควบคุมเทเลเมติกส์ในยานพาหนะ จากนั้นจึงส่งต่อไปยังคลาวด์ของ Bosch

ข้อมูลทั้งหมดจะถูกวิเคราะห์ในระบบคลาวด์โดยใช้อัลกอริทึมซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อน ระบบการเรียนรู้ด้วยตนเองจะคาดการณ์สภาพของแบตเตอรี่แต่ละก้อนและคำนวณการกำหนดค่าพารามิเตอร์ที่เหมาะสมที่สุด

ในขั้นตอนสุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้จากแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละก้อน เช่น คำแนะนำ รายงานสภาพ พารามิเตอร์การทำงานใหม่ จะถูกส่งจากคลาวด์ไปยังรถยนต์หรืออุปกรณ์ปลายทางที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาร์ตโฟนหรือพีซี และการกำหนดค่าพารามิเตอร์ใหม่จะถูกนำมาใช้ในแบตเตอรี่

ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ช่วยลดความไม่แน่นอน เพิ่มมูลค่าการขายต่อ และเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับบริการประกันภัยและการรับประกัน นอกจากนี้ยังจะช่วยให้ประเมินได้ว่าแบตเตอรี่ลูกใดที่เหมาะสมสำหรับการนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความยั่งยืน ระบบอัจฉริยะด้านแบตเตอรี่บนคลาวด์จึงเป็นตัวเร่งการเติบโตของตลาด และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน

ขณะเดียวกัน บริการแบตเตอรี่อัจฉริยะช่วยลดต้นทุนการรับประกันของผู้ผลิตรถยนต์ การรวบรวมข้อมูลแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่องและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นส่งผลให้การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนลดลง และส่งผลให้ต้นทุนการซ่อมแซมและเปลี่ยนแบตเตอรี่ลดลง นอกจากนี้ยังสามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ทั้งหมดในช่วงระยะเวลาการรับประกัน

ข้อมูลแบตเตอรี่ที่เก็บรวบรวมอย่างต่อเนื่องในภาคสนามและส่งไปยังคลาวด์จากยานยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ถือเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ต่อไป การแลกเปลี่ยนข้อมูลสภาพ พารามิเตอร์ ตลอดจนซอฟต์แวร์ระหว่างคลาวด์และยานยนต์ ช่วยให้เกิดวงจรป้อนกลับอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบและกลยุทธ์การใช้งานแบตเตอรี่

ผู้ผลิตและศูนย์ซ่อมสามารถเสนอใบรับรองแบตเตอรี่ในรูปแบบบริการแบบชำระเงินรูปแบบใหม่ได้ นอกจากนี้ อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นของแบตเตอรี่ยังช่วยเพิ่มมูลค่าของรถยนต์มือสองอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการบันทึกสภาพแบตเตอรี่อย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งจะช่วยให้แนวคิดเรื่องอายุการใช้งานที่สอง (second life) เป็นจริง โดยนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ากลับมาใช้ใหม่ เช่น การกักเก็บพลังงานแบบอยู่กับที่ได้เช่นกัน

การนำข้อมูลจากดิจิทัล ทวิน (Digital Twin) ของแบตเตอรี่มาใช้ ก็จะช่วยให้การตัดสินใจเกี่ยวกับการรีไซเคิลทำได้ง่ายขึ้น และช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน

ปัจจุบัน ทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น แต่การนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้อย่างแพร่หลายกำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ เนื่องจากมีอายุการใช้งานที่จำกัด ทำให้จำเป็นในการเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อยครั้ง ขณะเดียวกันแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าก็ทำมาจากแร่หายาก เช่น ลิเธียม แมงกานีส และโคบอลต์ ยิ่งทำให้เกิดความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น แนวทางปฏิบัติในปัจจุบัน จึงขัดแย้งกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลก และยังไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าในวงกว้าง จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการสกัดวัตถุดิบไปสู่การรีไซเคิลอย่างยั่งยืน Bosch Rexroth เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงนี้ ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ระบบอัตโนมัติของระบบรีไซเคิลแบตเตอรี่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างโซลูชันที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้มากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรม EV

'Bosch' โชว์นวัตกรรมยานยนต์แห่งอนาคต หนุนอุตสาหกรรม EV และความยั่งยืน