NETA ถก BOI ดัน EV เปิด 5 กลยุทธ์ รุกตลาด เพิ่มสัดส่วนคนไทย 85%

NETA ถก BOI ดัน EV  เปิด 5 กลยุทธ์ รุกตลาด เพิ่มสัดส่วนคนไทย 85%

ผู้ร่วมก่อตั้ง NETA (เนต้า) เข้าพบผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI หารือแนวทางพัมนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมเปิด 5 กลยุทธ์ ดำเนินธุรกิจ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ เครือข่าย เพิ่มสัดส่วนทีมงานคนไทย 

จาง หย่ง ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนต้า (NETA) กลุ่มสตาร์ทอัพธุรกิจ หรือ อีวี (EV) ประเทศจีน เดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อหารือแผนธุรกิจเชิงลึกและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความร่วมมือและการพัฒนาธุรกิจของ NETA ในประเทศไทย  

นอกจากนี้ ยังเข้าพบ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI 

ในโอกาสนี้เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้มอบบัตรส่งเสริมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle -BEV) อย่างเป็นทางการให้แก่ NETA  

เลขาธิการ บีโอไอ ยังระบุว่า บีไอโอ ชื่นชมและคาดหวังว่า NETA จะสามารถยกระดับความร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนรวมถึงผู้ประกอบการในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้เนต้ามองว่าไทยถือเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูงและเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก  โดยเนต้าจัดตั้ง บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และยังเป็นศูนย์กลางเชิงกลยุทธ์สําหรับการขยายธุรกิจของ เนต้า ในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

การเปิดตัว NETA V อีวี City Car ซึ่งมาพร้อมแนวคิด Touchable Smart EV  และการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศไทย ทั้งภาครัฐและเอกชนในทุกมิติ ทำให้แบรนด์ NETA เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคในประเทศอย่างรวดเร็ว

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา เนต้า มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 ในกลุ่มตลาด อีวี  ปัจจุบันมีฐานลูกค้ามากกว่า 15,000 รายทั่วประเทศ

ด้านโชว์รูมและศูนย์บริการ ปัจจุบันเปิดบริการมากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ โดยปี 2567 เนต้า จะเดินหน้าแผนงานในด้านต่างๆ  ภายใต้กลยุทธ์ “All in Thailand, All for Thailand” ซึ่งประกอบด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ได้แก่  

  • การผลิตภายในประเทศ 
  • เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูง 1 รุ่นทุกปี 
  • การเพิ่มสัดส่วนของสมาชิกทีมที่เป็นคนไทยมากกว่า 85% 
  • การพัฒนาเครือข่ายผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
  • สร้างแบรนด์ที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ