Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

Ferrari 296 GT3 รถแข่งรุ่นล่าสุดของเฟอร์รารี่ สำรับแข่งขัน GT โดยเฉพาะ และเป็นการหวนคืนสู่สนามแข่งอีกครั้งของเครื่องยนต์ V6 วางกลาง ลดน้ำหนัก ลดความสูงช่วงล่าง ออกแบบภายในเน้นใช้ฟังก์ชั่นง่าย แป้นเหยียบ พวงมาลัย ปรับระดับ รับสรีระที่หลากหลายของนักแข่ง

Ferrari (เฟอร์รารี่) 296 GT3 จะเป็นตัวแทนแห่งอนาคตของค่ายม้าลำพองสำหรับการแข่งขัน GT ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดกับลูกค้าได้มากที่สุด

และนอกจากนั้นยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาสู่รถยนต์สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป หรือ โปรดักชั่น คาร์ 

สำหรับรถแข่ง 296 GT3 เป็นการต่อยอดมาจาก 296 GTB รถแบบ Berlinetta หรือ 2 ที่นั่ง เครื่องยนต์วางกลาง 

เฟอร์รารี่ 296 GT3 เป็นโปรเจคท์ สำหรับทั้งในและนอกสนามแข่ง โดยเฟอร์รารีมีตัดสินใจพัฒนาขึ้นเพื่อสานต่อเส้นทางแห่งชัยชนะที่ย้อนกลับไปในปี 1949 ซึ่งรถแข่งรุ่น 166MM คว้าชัยในการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans 

แต่ 296 GT3 ที่ย้อนความสำเร็จในอดีต มีแนวทางใหม่สำหรับอนาคต คือ การออกแบบและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้ทีมแข่งสามารถบริหารจัดการได้ง่ายในทุกสเตจการแข่งขันในแต่ละสัปดาห์

สำหรับรถคันนี้ ออกแบบให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของคลาส GT3
ขณะที่เครื่องยนต์ V6 ทำมุม 120 องศา เทอร์โบชาร์จ ตัวใหม่นี้ เป็นการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของทีมและนักแข่ง ทั้งมืออาชีพ และมือสมัครเล่น 

เป็นเครื่องยนต์ล้วนๆ ไม่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เหมือนกับ 296 GTB ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดด้านเทคนิคของการแข่งขัน 

อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ ของ 296 GT3 ก็มีพื้นฐานมาจาก 296 GTB ซึ่งรวมถึงการจัดวางเทอร์โบคู่เอาไว้ช่วงกึ่งกลางระหว่างเสื้อสูบทั้ง 2 ฝั่ง ซึ่งทำให้ได้ผลดีคือ ความกะทัดรัด  จุดศูนย์ถ่วงต่ำกว่า และน้ำหนักที่เบาลง 

ส่วนตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ ถือเป็นหัวใจสำคัญของเฟอร์รารี ที่ใช้มาตลอด และสำหรับ 296 GT3 มันถูกขยับเข้าใกล้กับค็อกพิตมากขึ้น และตำแหน่งติดตั้งอยู่ต่ำกว่ารถเวอร์ชั่นที่ขับขี่บนท้องถนนทั่วไป 
ผลที่ได้คือ มันมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่าและทนการบิดตัวได้มากกว่า 488 GT3 ถึง 10%

โดยเครื่องยนต์ เบนซิน ขนาดความจุ 2,992 ซีซี เบนซิน ไดเร็คท์ อินเจคชั่น เทอร์โบ 

  • ให้กำลังสูงสุดประมาณ 600 แรงม้า ที่ 7250 รอบ/นาที
  • แรงบิดสูงสุด (โดยประมาณ) 710 นิวตันเมตรที่ 5500 รอบ/นาที

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

ส่งกำลังผ่านเกียร์ ซีเควนเชียล 6 สปีด วางตามแนวขวาง ระบบเปลี่ยนเกียร์ด้วยไฟฟ้า พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย คลัตช์ไฟฟ้า ควบคุมได้จากพวงมาลัย ไม่ใช่แบบกลไก ที่ต้องใช้เท้าเหยียบแป้นคลัตช์

เป็นเกียร์ที่ออกแบบมาสำหรับรถคันนี้โดยเฉพาะ และการติดตั้งตามแนวขวางเพื่อผลทางด้านอากาศพลศาสตร์ และการกระจายน้ำหนัก 
โดยเสื้อเกียร์ผลิตจากแมกนีเซียม พร้อมถังพักน้ำมันเกียร์ในตัว ส่วนเฟืองท้ายนิวเมติกแบบปรับได้

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

ทั้งนี้วิศวกรของเฟอร์รารี่ทำงานร่วมกับพันธมิตรหลายฝ่าย เพื่อออกแบบและปรับแต่งเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อนของรถเวอร์ชั่นสนามแข่งโดยเฉพาะ ทั้งเรื่องของสมรรถนะ และความทนทาน เพื่อให้สามารถใช้แข่งได้ทั้งรายการ ‘Sprint’ และ ‘Endurance’

สำหรับโครงสร้างตัวถังภายนอกและแอโรไดนามิกส์ ยังคงส่วนเว้าส่วนโค้งของ 296 GTB เอาไว้ แต่ปรับปรุงให้ตรงตามข้อกำหนดด้านการแข่งขัน

โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Centre Style  นักอากาศพลศาสตร์และทีมออกแบบ และเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อตัดเรื่องอุปกรณ์ แอโรไดนามิกส์หรือฟีเจอร์อื่นๆ ที่ใช้สำหรับรถแข่งโดยเฉพาะออกไป ดีไซน์ของรถยังคงมีความใกล้เคียงกับโปรดักชั่นคาร์อยู่มาก 

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

ซึ่งการออกแบบของอุปกรณ์สำหรับการแข่งขัน สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและการใช้งาน ของรถแข่งอย่าง 250 LM ปี 1963 

มีอะไรบ้างที่ทีมวิศวกรออกแบบเรื่องของหลักแอโรไดนามิกส์ ให้ได้ภายใต้กรอบกติกาด้านสมรรถนะ ก็คือการลดความสูงของช่วงล่างลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับควบคุมและการขับขี่ที่ง่าย ขณะที่การออกแบบโครงสร้างตัวถังยังช่วยเพิ่มแรงกดได้มากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรถแข่งรุ่นที่แล้ว 

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

ภายในห้องโดยสาร เน้นออกแบบให้มีทัศนวิสัยที่ดี และเข้าถึงระบบต่างๆ ได้ง่าย และแน่นอนต้องมีความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ เพราะการแข่งขันแบบ Endurance (ระยะทางไกล)  สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีผลต่อประสิทธิภาพของผู้ขับ โดยเฉพาะกับนักแข่งมือสมัครเล่น 

ห้องโดยสารออกแบบใหม่หมดเมื่อเทียบกับ 488 GT3 ให้ตรงตามความต้องการของนักแข่งทั้งจาก ทีมโรงงานและลูกค้าแต่ละราย
หลายๆ ฟังก์ชั่นถูกย้ายมาติดตั้งไว้บนพวงมาลัยแบบใหม่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง F1 

ตำแหน่งของเบาะนั่งจาก Sabelt ช่วยให้ผู้ขับมีทัศนวิสัยที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการขับในช่วงเวลากลางวัน หรือ กลางคืน 

และเพื่อให้นักขับที่มีขนาดตัวและสัดส่วนที่ต่างกันสามารถขับได้สบาย เฟอร์รารี่ จึงออกแบบให้ชุดแป้นเหยียบและพวงมาลัยแบบปรับระดับได้

ขณะที่ระบบปรับและไหลเวียนอากาศภายในรถถูกออกแบบให้สามารถระบาย อากาศได้เพียงพอในทุกสภาพแวดล้อม 

ส่วนช่วงล่างและระบบไดนามิกส์ของรถ เป็นการพัฒนาจากประสบการณ์ที่ได้มาจาก 488 GT3 โดยทั้งหมดเป็นการพัฒนาขั้นมาใหม่และผลิตขึ้นจากอลูมิเนียม โดยเฟอร์รารี ยืนยันว่าทำให้ 296 GT3 สามารถปลดปล่อยศักยภาพการยึดเกาะของยางได้แม้จะเพิ่งขับไปไม่กี่รอบสนามเท่านั้น 

Ferrari 296 GT3 การหวนคืนของรถแข่ง V6 ลุย ‘2023 Daytona 24 Hours’

แชสซีส์ออกแบบให้มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ  ช่วยให้จัดการการกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้น  และระยะฐานล้อของ 296 GT3 นั้นยาวกว่ารุ่นโร้ดคาร์แต่ยังอยู่ภายใต้กติกาการแข่งขัน 

ระบบเบรกอัพเกรดขึ้น ด้วยคาลิเปอร์และจานเบรก ขนาด 400 มม. ที่ล้อหน้า ที่ออกแบบใหม่หมด เช่นเดียวกับล้อแบบใหม่ที่ตรงตามกติกาการแข่งขันสำหรับใช้กับ 296 GT3 โดยเฉพาะ 

และเพื่อรองรับการแข่งขัน เฟอร์รารี ออกแบบให้สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนด้านหน้าและหลังภายในไม่กี่วินาที

296 GT3 เปิดตัวครั้งแรกในการแข่งขัน 2023 Daytona 24 Hours