แผนรับมืออุทกภัยเมืองปราจีนฯ สู่อ่างเก็บนํ้านฤบดินทรจินดา ‘ไล่นํ้าเค็ม’

อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมบ่อยครั้ง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำที่มีความลาดชันค่อนข้างต่ำ และยังเป็นจุดที่มีลำน้ำขนาดใหญ่สองสายไหลมาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำพระปรง และแม่น้ำหนุมาน ทำให้ฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมาก การระบายน้ำจึงทำได้ช้าเกิดน้ำล้นตลิ่งได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ทางกรมชลประทานจึงได้จัดทำแผนการป้องกันปัญหาอุทกภัย ในจังหวัดปราจีนบุรีขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝน
นายจำนงค์ ธรรมสอน ผู้อำนวยการโครงการชลประทานปราจีนบุรี กล่าวว่า มาตรการป้องกันบรรเทาอุทกภัยในจังหวัดปราจีนบุรี กรมชลประทานโดยโครงการชลประทานปราจีนบุรี มี 6 มาตรการคือ 1.การตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำเพื่อจัดจราจรทางน้ำ 2.การบำรุงรักษาอาคารชลประทานต่างๆ ทั้งอ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ และอื่นๆ 3.การกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำโดยการขุดลอกคลอง และกำจัดวัชพืช 4.การเตรียมเครื่องมือและเครื่องจักรสำหรับป้องกันอุทกภัย เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด รถตักต่างๆ 5.การใช้ทุ่งรับน้ำโดยผันน้ำเข้าสู่ทุ่งท่าแหทางด้านฝั่งขวา และทุ่งบางพลวงทางด้านฝั่งซ้ายเพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปท่วมพื้นที่เศรษฐกิจของเมืองปราจีนบุรี และ 6. การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน เกษตรกร ผู้นำชุมชนต่างๆได้ทราบถึงสถานการณ์น้ำอย่างสม่ำเสมอ
“เรามีกลุ่มไลน์กับประชาชน ผู้นำชุมชน ซึ่งจะรายงานสถานการณ์น้ำให้รับทราบทุกเช้าว่าวันนี้ระดับน้ำขึ้นระดับไหน สองจะมีป้ายแจ้งเตือนว่าระดับน้ำในแม่น้ำปราจีนตอนนี้อยู่ในระดับปกติ หรือภาวะวิกฤติหรือไม่ โดยมีโซนแมนคือพนักงานชลประทานเป็นผู้ประชาสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอในทุกวัน”
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ในทุกปีพื้นที่แม่น้ำปราจีนบุรี มักประสบปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มจากน้ำทะเลหนุนในช่วงฤดูแล้ง และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งนอกจะส่งผลต่อระบบนิเวศแล้ว ยังส่งผลถึงน้ำดิบจากแม่น้ำปราจีนบุรีที่ใช้ผลิตน้ำประปามีปริมาณคลอไรด์สูงเกินเกณฑ์ กระทบต่อการผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ รวมถึงน้ำประปาที่ใช้ในกิจการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรด้วย
นายแพทย์ชาติชาย คล้ายสุบรรณ รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์คนที่ 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในปี 2559 ทางโรงพยาบาลฯ มีปัญหาเรื่องของภาวะน้ำเค็มรุกตัวอยู่ในขึ้นวิกฤติ เกือบต้องปิดกิจการหรือหยุดการรักษาโรงพยาบาล ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการรักษาคนไข้
โดยปกติโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรจะใช้น้ำใน 2 ส่วนหลักคือ ส่วนแรก เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และส่วนที่สองคือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาคนไข้ เช่น การล้างไต และการทำความสะอาดอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งทั้งสองส่วนนี้ไม่สามารถปล่อยให้มีน้ำเค็มเกินกว่ากำหนดได้ โดยเฉพาะคนไข้ล้างไต ถ้ามีน้ำเค็มเกินกำหนดจะไม่สามารถเอาน้ำบริสุทธิ์มาล้างไตให้คนไข้ได้ ดังนั้นทางโรงพยาบาลฯจึงให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องของน้ำประปา หรือน้ำที่ใช้ในการรักษาคนไข้ค่อนข้างมาก
“ตั้งแต่มีเขื่อนนฤบดินทรจินดา หรืออ่างเก็บน้ำห้วยโสมงที่สามารถขับไล่น้ำเค็มได้ ทำให้สถานการณ์เรื่องของน้ำเค็มของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรดีขึ้นอย่างชัดเจน”
สอดคล้องกับนายวิเชียร เหลืองอ่อน ผู้อำนวยการ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานฤบดินทรจินดา ที่กล่าวว่า ปัญหาน้ำเค็มรุกตัวเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ภายหลังที่อ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดาได้ก่อสร้าง และสามารถเก็บกักน้ำได้ตั้งแต่ฤดูฝนปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา ในช่วงฤดูแล้งปี 2560 ถึงฤดูแล้งปีปัจจุบัน ทางอ่างเก็บน้ำฯสามารถระบายน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศตรงนี้ โดยระบายน้ำออกจากอ่างลงสู่คลองห้วยโสมง ต่อเนื่องไปจนถึงแม่น้ำปราจีนบุรี และแม่น้ำบางปะกงในเขตจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งน้ำที่ระบายออกไป นอกจากจะใช้ในเรื่องของการผลักดันน้ำเค็มแล้วยังสามารถใช้เพื่อการเกษตร ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค คือผลิตน้ำประปา และใช้ในกิจการของการแพทย์ในพื้นที่ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ต้องใช้น้ำประปาที่มีคุณภาพได้เป็นอย่างดี












