“อย่าให้ใครว่าไทย”

“อย่าให้ใครว่าไทย” ก้าวแรก เกิดการรับรู้ สู่ความร่วมมือ เตรียมก้าวต่อ สร้างคนไทยมีวินัย เพียร ด้วยปัญญา
หลังเปิดตัวโครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” ระยะ 6 เดือนแรก สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกือบครึ่งประเทศ เตรียมดำเนินการต่อในปีนี้ สานพลังภาคีภาครัฐ-เอกชน ปรับพฤติกรรม คนไทยมีวินัย เพียร ด้วยปัญญา
ภายหลังจากมีการเปิดตัวโครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” โดย“เครือข่ายอนาคตไทย”ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ 6 องค์กรหลัก ประกอบด้วย สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) สภาหอการค้าไทย และมูลนิธิมั่นพัฒนา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา ในระยะเวลากว่า 6 เดือนทางโครงการได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้แก่คนทั่วไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2559ได้มีการจัดเวทีเพื่อสื่อสารโครงการและรายงานผลการดำเนินงานโครงการรณรงค์ Thailand Campaign ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ประธานกรรมการสถาบันมั่นพัฒนา กล่าวถึงผลการดำเนินโครงการฯ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาว่า สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย สามารถสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคีหน่วยงานต่างๆ อย่างกว้างขวาง ปัจจุบันเครือข่ายอนาคตไทยมีภาคีจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมกว่า 91 องค์กร และมีการรณรงค์สร้างการรับรู้ในหลากหลายรูปแบบ รวมทั้งได้ต้นแบบองค์กรที่มีการดำเนินงานอย่างเข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นแบบอย่างเพื่อให้เกิดการขยายผลอย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในปีนี้
“การรวมตัวกันของผู้คนและองค์กร เพื่อ ระดมความคิดเห็น ช่วยเหลือ ให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจซึ่งกันและกัน มีความสำคัญ ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าและพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป”ประธานกรรมการสถาบันมั่นพัฒนา กล่าว
ออนไลน์กระแสแรง
โครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” ในช่วงที่ผ่านมา เน้นดำเนินงานเพื่อสร้างการรับรู้ให้กับคนทั่วไป โดยมุ่งชี้ให้เห็นถึงค่านิยมและพฤติกรรมที่เป็นปัญหา 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ ความฟุ้งเฟ้อ มักง่าย ไร้สติ และขาดวินัย ผ่านการจัดทำคลิปโฆษณาเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์และสื่อหลากหลายชนิด รวมทั้งการจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ “ตามหาคนไทยน่ารัก” โดยทีมงานออกตระเวนไปในย่านชุมชน เมื่อพบคนทำในสิ่งที่ดีก็จะแสดงความชื่นชม รวมทั้งถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อเผยแพร่ในวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม “อย่าให้ใครว่าไทยสัญจร” ซึ่งประกอบด้วยนิทรรศการ เวทีเสวนา และเวิร์คช็อป ตามสถาบันอุดมศึกษาและศูนย์การค้าใน 5 จังหวัดทั่วทุกภูมิภาค
วิทวัส ชัยปาณี นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย รายงานผลการดำเนินงานในส่วนของการเผยแพร่คลิปวิดีโอมีกระแสตอบรับที่ดี ทำให้เกิดความเคลื่อนไหว Engagement บนสื่อออนไลน์โดยมียอดวิวบนเว็บไซต์ยูทูบสูงถึง 27 ล้านราย ทั้งการรับชม กดไลค์ และการแชร์
“ที่น่าสนใจคือ ผลการสำรวจ คนที่รับชม 41 เปอร์เซ็นต์ตอบว่า เห็นแล้วจดจำได้ทันที ส่วน 84 เปอร์เซ็นต์ตอบว่าดูแล้วชอบและเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีการปรับเนื้อหาในคลิปวิดีโอ อีก 83 เปอร์เซ็นต์ตอบว่าเมื่อดูแล้วตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง”
ขณะที่แฟนเพจ “อย่าให้ใครว่าไทย” มียอดสมาชิกแล้วกว่า 120,000 ราย มีผู้เข้าชมมากกว่า 28 ล้านราย นอกจากนี้ ในช่วงเริ่มต้นดำเนินโครงการฯ มีภาคีเข้าร่วมราว 20 องค์กร ปัจจุบัน เพิ่มเป็น 91 องค์กร ซึ่งนายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ผลตอบลัพธ์ที่ดีเหล่านี้เกิดจากสมาชิกเครือข่ายที่ช่วยกันขยายผลให้การรับรู้กว้างขวางขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภาคีเครือข่ายเดินหน้าขับเคลื่อน
ในช่วงการเสวนา “อย่าให้ใครว่าไทย ร่วมเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่ออนาคตไทย” ผู้บริหารจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนซึ่งร่วมเป็นภาคีเครือข่ายอนาคตไทยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ดำเนินงาน ประกอบด้วยการประปานครหลวง ที่มีโครงการรณรงค์ประหยัดน้ำ การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และร่วมกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม, บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ร่วมโครงการฯ โดยจัดรณรงค์ภายใน “อย่าให้ใครว่าคนมิตรผลฟุ้งเฟ้อ” มีการสำรวจและแก้ปัญหาหนี้สินให้กับพนักงานของบริษัท
ขณะที่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)ในฐานะสายการบินแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ตัวแทนเผยแพร่เอกลักษณ์ไทย ร่วมโครงการฯ ในด้านวัฒนธรรม โดยใช้คำขวัญ “อย่าให้ใครว่าไทยไม่มีเสน่ห์ไทย” มุ่งเสริมสร้างเสน่ห์ไทยที่สำคัญ ได้แก่ รอยยิ้ม การไหว้ การกล่าวคำ “สวัสดี” “ขอโทษ” และ “ขอบคุณ”
ฐิตินันท์ วัธนเวคิน กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานชมรม CSR สมาคมธนาคารไทยกล่าวว่าในฐานะของกลุ่มสถาบันการเงิน ทางชมรม CSR ได้หยิบยกปัญหาความฟุ้งเฟ้อภายใต้การรณรงค์อย่าให้ใครว่าไทยเป็นประเด็นสำคัญ เนื่องจากเกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจขององค์กรในเรื่องวินัยทางการเงิน
ประธานชมรม CSR สมาคมธนาคารไทย เล่าถึงกิจกรรมที่ผ่านมาว่าได้ร่วมกับสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชน ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดำเนินโครงการ “รู้เก็บ รู้ใช้ สบายใจ” มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเยาวชนในสถาบันระดับอุดมศึกษา 7 แห่งในจังหวัดนครปฐม ในรูปแบบค่ายพัฒนาศักยภาพแกนนำนักศึกษา เพื่อให้เยาวชนที่เข้าร่วมมีความรู้ด้านการวางแผนการเงินอย่างบูรณาการ ภายใต้หลักสูตร 4 รู้สู่ความมั่งคั่ง (รู้เป้าหมาย รู้ใช้จ่าย รู้จักออม รู้ลึกลงทุน)
ส่วนโครงการรณรงค์อย่าให้ใครว่าไทย ที่ผ่านมา ชมรม CSR ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกธนาคาร 15 แห่ง ซึ่งมีสาขากว่า 7,000 สาขาทั่วประเทศ ได้เผยแพร่คลิปผ่านระบบอินทราเน็ต และสื่อภายในของแต่ละธนาคาร รวมทั้งร่วมกันเปิดคลิปรณรงค์โดยใช้เครื่องเอทีเอ็มเป็นสื่อ
เข็มชาติ สมใจวงษ์ รองประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวถึงโครงการอย่าให้ใครว่าไทยว่า เป็นการกระตุ้นไม่ให้คนเคยชินกับสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดขอนแก่นต่างให้ความสนใจ อาทิ เทศบาลนครขอนแก่นมีการรณรงค์ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางบริเวณตลาดโต้รุ่งแผงค้า และโรงเรียน นอกจากนี้ มีการรณรงค์รถโดยสารสาธารณะในโครงการแท็กซี่ ร่วมใจ ไม่โกง เป็นต้น
ภายในงานมีการนำเสนอผลการดำเนินงานโครงการรณรงค์ “อย่าให้ใครว่าไทย” โดยภาคีทั้งที่เป็นสถาบันการเงิน องค์กรภาครัฐและเอกชน รวม 17 แห่งร่วมจัดบอร์ดและซุ้มนิทรรศการ นำเสนอความรู้ความเข้าใจในประเด็นค่านิยมหลักภายใต้แนวคิดการรณรงค์ผ่านเกมสนุกและการแจกของรางวัล
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรม Showcase-Workshop การเสวนา "อย่าให้ใครว่าไทยสัญจร" โดยมีศิลปินนักแสดง อาทิ เสนาลิง, ท็อป พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และกฤตฎ์ อมรชัยพฤกษ์ ร่วมพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจ แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับหลักคิด การบริหารจัดการการเงิน รวมถึงการแลกเปลี่ยนระดมความเห็นเกี่ยวกับการออมและการหารายได้เสริม เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานได้เห็นมุมมอง และวิธีคิดที่หลากหลายสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริง












