ต้นแบบกองทุนสวัสดิการชุมชน ยึดหลักธรรมาภิบาล สืบสานวัฒนธรรมที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมาสถาบันป๋วยอึ๊งภากรณ์สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เครือข่ายสวัสดิการชุมชนระดับชาติ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์คณะอนุกรรมการส่งเสริมองค์กรสวัสดิการชุมชน ในคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการสังคมแห่งชาติ ศูนย์คุณธรรม(องค์การมหาชน) มูลนิธิมั่นพัฒนา และวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วยอึ๊งภากรณ์ได้ร่วมกันจัดงานมอบรางวัล“ธรรมาภิบาลดีเด่น แห่งปี 2561”เป็นปีที่ 3ภายใต้แนวคิด “คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน”ของ ศาสตราจารย์ ดร. ป๋วยอึ๊งภากรณ์ณ อาคารศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย
วัตถุประสงค์ของการจัดงานเพื่อยกย่องเชิดชูองค์กรหรือกองทุนสวัสดิการชุมชน ที่ดำเนินงานช่วยเหลือดูแลคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ รวมถึงเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกิดความเข้มแข็งของเครือข่ายและกองทุนสวัสดิการในพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพของบริการและขยายผลกองทุนให้เกิดขึ้นครอบคลุมทั่วประเทศโดยในปีนี้มีกองทุนสวัสดิการชุมชนทั่วประเทศส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น49 กองทุนฯ โดยผ่านการคัดเลือกและได้รับรางวัล“ธรรมาภิบาลดีเด่น แห่งปี 2561”จำนวน 8กองทุน จำแนกตามประเภท ดังนี้ ด้านการสร้างครอบครัวอบอุ่น ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ด้านการพัฒนาเด็กเยาวชนและการศึกษา ด้านการพัฒนาการประกอบอาชีพ ด้านการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านการพัฒนาระบบการบริหารจัดการกองทุนที่ดีและมีธรรมาภิบาล ด้านผลงานการจัดสวัสดิการชุมชนแบบองค์รวม และด้านการฟื้นฟูระบบคุณค่าทางวัฒนธรรม
“ธรรมาภิบาล”แนวคิดการบริหารจัดการที่ยั่งยืน
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์ คือหนึ่งในกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นที่ได้รับรางวัล “ด้านการพัฒนาระบบการบริหารจัดการกองทุนที่ดีและมีธรรมาภิบาล”กองทุนที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านการเงินแบบยั่งยืน เน้นความโปร่งใส และความซื่อสัตย์ รวมถึงการบูรณาการและสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนด้วยการมีธรรมาธิบาลที่ดีที่นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนแบบยั่งยืน
นางเพ็ญพร สายเสมา ผู้ประสานงานกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่าประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งมีรายได้น้อยและมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างลำบาก ทำให้เมื่อถึงเวลาเจ็บป่วยจึงมีเงินไม่เพียงพอต่อการเข้ารับการรักษา ส่งผลให้ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการของรัฐได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สิ่งนี้จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ก่อให้เกิดการรวมตัวของคนในชุมชนที่นำไปสู่การจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์ขึ้น เมื่อปีพ.ศ. 2550 โดยมีแนวคิดพื้นฐานมาจากความต้องการให้ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคง และสามารถเข้าถึงสวัสดิการได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
“กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์หรือเรียกอีกอย่างว่า “กองบุญ” ที่เน้นการบริหารจัดการกองบุญโดยยึดหลักธรรมาภิบาล นิติธรรม ความโปร่งใสรวมถึงการมีส่วนร่วม เพื่อปลูกฝังให้ประชาชนในชุมชนรู้จักการออมเงิน เริ่มต้นที่วันละ 1 บาท นอกจากนั้นยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับคนในชุมชน ทั้งคนรุ่นใหม่ คนวัยทำงาน คนชรา ให้รู้จักเรื่องการออมเงิน เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงิน ให้คนในชุมชนสามารถช่วยเหลือตนเอง และครอบครัว รวมถึงการพึ่งพาอาศัยกันได้หากมีเหตุฉุกเฉินในอนาคต”
วัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งกองทุนฯ คือการปลูกฝังในเรื่องการบริหารจัดการการเงิน ให้ประชาชนในชุมชนรู้จักการออม เพื่อนำไปสู่การเงินที่ยั่งยืนในอนาคต โดยกลไกสำคัญที่ทำให้กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์มีระบบการบริหารจัดการกองทุนที่ดีและมีธรรมาภิบาลคือ การมีระบบการติดตามตรวจสอบผลการดำเนินงานที่เน้นการบริหารงานด้วยความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการจัดทำระบบบัญชีหลายประเภท เช่น การมีสมุดบัญชีรายวันต่างๆ การการลงบัญชีรับเงินและการเบิกจ่ายสวัสดิการอย่างเป็นระบบของแต่ละหมู่บ้าน การจัดทำรายงานปิดงบดุลประจำทุกเดือนที่จะมีผู้ตรวจสอบทั้งจากคณะกรรมการและผู้แทนท้องถิ่น รวมถึงการเปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถตรวจสอบการบริหารจัดการกองทุนฯ ได้นอกจากนั้นทางกองทุนฯ ยังมีการรายงานผลการดำเนินงานให้กับสมาชิกด้วยการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ เวทีประชาคม การประชุมหมู่บ้าน วิทยุท้องถิ่น ป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม รวมถึงการเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊กกลุ่มไลน์กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลคลองทับจันทร์ เป็นต้น
ปัจจุบันกองทุนมีเงินประมาณ 6 ล้านบาท มีการบริหารจัดการกองทุนฯ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรก 50% ไว้สำหรับการจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก ซึ่งเน้นจัดสวัสดิการสำหรับผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตส่วนที่สอง 30% นำไปใช้ในกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้เข้ากองทุนและสร้างรายได้ให้แก่สมาชิก อาทิ การจัดอบรมการเพาะเห็ดฟาง เพื่อเป็นรายได้เสริมหลังว่างจากการทำนา และส่วนที่สาม 20%นำมาเป็นเงินสำรองซึ่งปัจจุบันเงินส่วนนี้นำไปลงทุนในสลากออมสินเพื่อให้มีรายได้จากเงินรางวัล และเป็นการออมไว้เพื่อคนรุ่นหลัง
“ปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จของการบริหารจัดการกองทุนที่ดีและมีธรรมาภิบาล คือการสร้างกระบวนการมีส่วน เน้นความโปร่งใส ด้วยการเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถรับรู้ ติดตาม และตรวจสอบข้อมูลข่าวสารได้ กระบวนการเหล่านี้ล้วนสร้างความเชื่อมั่นที่ทำให้คนในชุมชนรู้สึกอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกองทุนฯ รวมถึงการวางแผนและพัฒนากองทุนฯ ร่วมกัน นี่จึงเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการสร้างระบบกองทุนฯ ให้เกิดความยั่งยืนและเป็นกลไกหนึ่งในแนวทางของการขับเคลื่อนกองทุนฯ ให้มีการบริหารจัดการกองทุนฯ ที่มีธรรมาธิบาลที่ดี จนสามารถพัฒนาหรือยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนในตำบลคลองจันทร์ได้ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนได้ในอนาคต”
ฟื้นฟูวิถีชุมชน เพิ่มคุณค่าทางวัฒนธรรม สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง
กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองหงส์ หนึ่งในกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นที่ได้รับรางวัล“ด้านการฟื้นฟูระบบคุณค่าทางวัฒนธรรม” ซึ่งเป็นประเภทรางวัลที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยกองทุนดังกล่าวถือเป็นกองทุนที่ช่วยฟื้นฟูมรดก คุณค่าทางวัฒนธรรมของชุมชนให้กลับมาเป็นที่รู้จักและสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนให้รู้จักการพึ่งพาตนเอง
นางเพ็ญศรี รัตนพันธุ์ ผู้ประสานงานกองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองหงส์อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชเล่าว่า แต่เดิมวิถีชีวิตของคนในชุมชนมีลักษณะแบบเครือญาติ คนในชุมชนมีความเอื้ออาทร ถ้อยทีถ้อยอาศัย และพึ่งพาซึ่งกันและกัน จะเห็นได้จากการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชนตามประเพณีวันสำคัญต่างๆ ที่คนแต่ละหมู่บ้านจะร่วมทำกิจกรรมช่วยเหลือกันเสมอมา แต่ปัจจุบันคนในชุมชนละเลยการทำกิจกรรมในงานประเพณีต่างๆร่วมกัน ทำให้ชุมชนเกิดแนวคิดที่จะฟื้นฟู รักษา วิถีชุมชนและประเพณีท้องถิ่นให้กลับมาคงอยู่คู่กับชุมชนตำบลหนองหงส์ต่อไปจึงมีการรวมตัวของผู้นำชุมชนประชาชนและองค์กรในพื้นที่เพื่อร่วมกันก่อตั้ง “กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองหงส์”เมื่อปี พ.ศ.2548 โดยมีแนวคิดที่จะพัฒนาให้คนในชุมชนสามารถพึ่งพาตนเอง ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่การสร้างความสามัคคีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน
วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนคือการสร้างพื้นฐานให้คนในชุมชนรู้จักความเอื้ออาทรช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ซึ่งเป็นวิถีเดิมของชุมชนและช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในชุมชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่าน5 หลักคิด ที่สมาชิกยึดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติร่วมกัน คือ หลักการออม สร้างวิธีคิดให้ชุมชนได้รู้จักการออมด้วยการสร้างกลุ่มออมทรัพย์เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการกองทุนฯหลักการมีส่วนร่วมเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันของคนในชุมชนหลักภราดรภาพ มุ่งเน้นให้ชุมชนอยู่ร่วมกันแบบพี่น้อง เพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การดูแลผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านผู้ป่วย หลักการให้และการรับ ส่งเสริมให้สมาชิกเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ด้วยการเป็นจิตอาสา เช่น การช่วยเหลือคนพิการซ้ำซ้อน ผู้ด้อยโอกาส และเป็นผู้รับ คือ เป็นผู้รับความสุขร่วมกัน รับความอบอุ่นในจิตใจ และความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น และหลักจิตอาสา ที่กองทุนฯ ให้ความสำคัญด้วยแนวคิดที่อยากมุ่งเน้นฟื้นฟูวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมด้วยการขับเคลื่อนผ่านการทำกิจกรรมที่เคยปฏิบัติในอดีตต่างๆได้แก่ การลงแขกจิตอาสา ในการทำนา งานแต่ง งานบวช ฯลฯ การหิ้วปิ่นโต โดยนำอาหารคาวหวานพื้นบ้านมากินร่วมกันในการประชุม หรือในวันสำคัญประเพณีต่างๆ รวมถึงการแต่งกายด้วยการนุ่งผ้าปาเต๊ะในโอกาสสำคัญอีกด้วย
“กองทุนฯ ไม่ได้ใช้เงินเป็นตัวนำกิจกรรม แต่ใช้เงินเป็นเพียงปัจจัยขับเคลื่อนกิจกรรม โดยกองทุนฯ ของเราเริ่มมาจากแนวคิดที่จะช่วยเหลือคนในตำบลให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่การสร้างวิธีคิดให้คนในชุมชนรู้จักการออม รวมถึงให้คนในชุมชนได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการคิดและปฏิบัติต่อเรื่องการเป็นผู้ให้-ผู้รับผ่านการทำจิตอาสา เช่น จิตอาสาดูแลเด็กแรกเกิด ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ก่อนจะขยับขยายสวัสดิการเพิ่มมากขึ้น ให้ครอบคลุมไปในทุกเรื่อง เช่น สวัสดิการเด็กแรกเกิด การรักษาพยาบาล การเสียชีวิต โดยความสำเร็จที่เราชาวหนองหงส์ภาคภูมิใจ และมองว่าเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดความสำเร็จนั้น คือ การได้ฟื้นฟูระบบคุณค่าทางวัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิม โดยเฉพาะวิถีชุมชนที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านกลไกการขับเคลื่อนกิจกรรมจิตอาสาที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของคนในชุมชน เกิดเป็นพลังและคุณค่า ตลอดจนคนในชุมชนมีความเชื่อใจซึ่งกันและกันไม่มีความขัดแย้ง นำไปสู่ความสามัคคีของคนในชุมชนที่สามารถพัฒนาไปสู่วิถีชีวิต และการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน”












