2 โครงการนํ้า เมืองอุทัยธานี สร้างโอกาส-สร้างรายได้ชุมชน

2 โครงการนํ้า เมืองอุทัยธานี สร้างโอกาส-สร้างรายได้ชุมชน

ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ไร้ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ส.ป.ก.ป่าห้วยระบำ ตำบลระบำ อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานีนั้น

แต่เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวพบมีปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรกรมชลประทานโดยสำนักงานชลประทานที่ 12 จึงได้เข้าไปช่วยเหลือแก้ปัญหา โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำที่เหมาะสมขึ้นผ่านโครงการสถานีสูบน้ำพร้อมอาคารประกอบพื้นที่ ส.ป.ก.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา โดยโครงการนี้ได้ช่วยส่งน้ำและกระจายน้ำให้กับพื้นที่สหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำจำกัด แก้ไขปัญหาปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทับเสลาที่มีปริมาณน้อยให้เกิดประโยชน์สูงสุด และส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ต้นแบบให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

2 โครงการนํ้า เมืองอุทัยธานี สร้างโอกาส-สร้างรายได้ชุมชน

นายกฤษฎา  ข้องพูน หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลา กล่าวว่า การที่จะนำเกษตรกรเข้ามาอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ ส.ป.ก.ปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของน้ำ ซึ่งทางกรมชลประทานโดยสำนักงานชลประทานที่ 12 และโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาทับเสลาได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำ จึงเกิดโครงการสถานีสูบน้ำพร้อมอาคารประกอบพื้นที่ ส.ป.ก.ขึ้นมา ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ(JMC) ของอ่างเก็บน้ำทับเสลาแล้ว และที่ประชุมได้มีมติให้โครงการใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำทับเสลาได้ปีละ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับขั้นตอนการส่งน้ำ จะมีการสูบน้ำจากแพสูบน้ำซึ่งมีอยู่ 2 แพ โดยสลับกันสูบกลางวันและกลางคืน ไฟฟ้าในการสูบน้ำ แล้วส่งน้ำขึ้นไปพักที่สระพักน้ำความจุ 3 หมื่นลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นจะปล่อยน้ำตามแรงโน้มถ่วงของโลกส่งให้กับพื้น ซึ่งปัจจุบันได้ถ่ายโอนภารกิจให้กับองค์การบริหารราชการส่วนจังหวัดอุทัยธานีเรียบร้อยแล้ว และตรงนี้สามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในการสูบน้ำของชาวบ้าน หรือเกษตรกรได้พอสมควร

สุภาพร  กุลโคตร ประธานสหกรณ์ปฏิรูปที่ดินระบำ จำกัด  เล่าว่า ในความคาดหวังของสหกรณ์คือ อยากให้มีการส่งน้ำให้กับสมาชิกอย่างทั่วถึง เพื่อลดความเสียหายของผลผลิตของเกษตรกร ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการปลูกพืชผักแบบประณีต และนำสู่เกษตรอินทรีย์ในอนาคต

ขณะที่อีกโครงการหนึ่งที่มีประโยชน์และสร้างการมีส่วนร่วมของเกษตรกร คือ การพัฒนาพื้นที่ฝายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่1 (เขื่อนวังร่มเกล้า) ของโครงการชลประทานอุทัยธานี

สำหรับโครงการเขื่อนวังร่มเกล้าเป็นเขื่อนทดน้ำ และระบายน้ำ มีแก้มลิง 7 แห่ง เป็นแหล่งกักเก็บน้ำประมาณ 22 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีปริมาณน้ำต้นทุนไม่สม่ำเสมอและไม่เพียงพอต่อการทำนา ซึ่งเป็นผลจากภาวะภัยแล้งและพฤติกรรมการใช้น้ำในพื้นที่

โครงการชลประทานอุทัยธานีจึงได้เข้าไปบริหารจัดการน้ำ โดยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกันกับภาครัฐ อาทิ การขุดลอกคูคลองเพื่อรองรับน้ำ การพัฒนาเส้นทางขนส่งผลผลิต การประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวที่ต้องใช้น้ำปริมาณมากเพื่อ ไปสู่การทำประมง ปศุสัตว์ ปลูกพืชเศรษฐกิจ หรือทำเกษตรผสมผสาน รวมถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ของ    เขื่อนเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต

2 โครงการนํ้า เมืองอุทัยธานี สร้างโอกาส-สร้างรายได้ชุมชน

นายพลัฏฐ์  ปาจิตร หัวหน้าฝ่ายส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 1 (เขื่อนวังร่มเกล้า) โครงการชลประทานอุทัยธานี กล่าวว่า ทุกโครงการที่เกิดขึ้นที่เขื่อนวังร่มเกล้าต้องเป็นความต้องการของประชาชนที่เป็นความสำคัญลำดับแรก และลำดับที่สองคือ ต้องมีความพร้อมของพื้นที่ ถ้างบลงมาแล้วสามารถดำเนินการได้เลย ไม่ติดขัดปัญหาเรื่องที่ดิน หรือมีปัญหาเกษตรกรไม่ยินยอม นอกจากนี้เขื่อนวังร่มเกล้ายังมีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่น่าสนใจของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ หากเสร็จสมบูรณ์จะเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งรายได้ที่เกษตรกรและชุมชนในพื้นที่สามารถนำผัก ผลไม้ และอื่นๆ ที่ปลูกในพื้นที่นำมาจำหน่ายสร้างรายได้หมุนเวียนในท้องถิ่นได้อีกมาก

2 โครงการนํ้า เมืองอุทัยธานี สร้างโอกาส-สร้างรายได้ชุมชน