'กษิต ภิรมย์' แนะไทยร่วมอาเซียนผลักดันหยุดยิงกาซา

นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แสดงปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "ไทยในความขัดแย้งอิสราเอลปาเลสไตน์" เนื่องในวัน International Day of Solidarity with the Palestinian People  เมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 ที่ผ่านมา โดยมองบทบาทไทยเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ภาคประชาชน อันประกอบด้วยคนไทยทั่วไปและชาวไทยมุสลิม ขอให้ผลักดันท่าทีของชาวไทยมุสลิมออกมา

ในส่วนของรัฐบาล นายกษิต มองว่า โดยโครงสร้างทั้งตะวันออกกลาง และอิสราเอลมีความสำคัญกับไทย คนไทย 8-10% นับถือศาสนาอิสลาม การกำหนดนโยบายต่อตะวันออกกลางต้องคำนึงถึงความหลากหลายทางศาสนา ตะวันออกกลาง และอิสราเอล เป็นแหล่งรองรับแรงงานไทยที่ส่วนใหญ่เป็นแรงงานฝีมือ และแรงงานภาคบริการ ตะวันออกกลางเป็นตลาดอาหารสำคัญของไทย และอาเซียน ทั้งยังเป็นแหล่งก๊าซ และน้ำมันแต่กำลังสร้างความหลากหลายให้กับการลงทุน ไทยจึงสามารถเป็นแหล่งลงทุนของตะวันออกกลางได้

ขณะที่อิสราเอลเป็นแหล่งองค์ความรู้ ติด 1 ใน 5 ประเทศที่จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา สูงสุดของโลก เป็นประเทศแรกๆ ที่ส่งเสริม Start Up จนเป็นปรมาจารย์ด้านนี้

กล่าวโดยรวมตะวันออกกลางเป็นผลประโยชน์ของรัฐไทย เราจำเป็นต้องรักษา และเพิ่มพูนความสัมพันธ์เอาไว้ 

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ เสนอว่า เมื่อประเทศที่ชนะสงครามโลก ครั้งที่ 2 ตั้งประเทศอิสราเอลได้แล้ว สิ่งที่คั่งค้างคือ ต้องสถาปนาประเทศปาเลสไตน์เคียงข้างอิสราเอล นี่ควรเป็นท่าทีที่ชัดเจนของประเทศไทย

ในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกอาเซียนต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้มีการหยุดยิง เพิ่มความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เจรจาสันติภาพ มีกองกำลังรักษาสันติภาพภายใต้ธงยูเอ็น ไทยกับอาเซียนควรไปพูดคุยกับยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

“ถ้าปานปรีย์เห็นด้วยกับผม พรุ่งนี้ไปจาการ์ตาในฐานะประธานอาเซียนที่ยังเหลืออยู่ และไปเวียงจันทน์ประธานอาเซียนปีหน้า โน้มน้าวคู่ขนานกันไป ส่วนชาวอาหรับก็ต้องยุติความคิดที่ว่าชาวยิวไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้” กษิต กล่าว

ด้านสถานการณ์ในกาซาล่าสุด แหล่งข่าวเผยว่า กาตาร์ และอียิปต์ในฐานะคนกลาง พยายามเจรจาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเป็นวันที่ 8  แต่ยังไม่สำเร็จ ขณะที่การสู้รบได้เกิดขึ้นอีกครั้ง 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์