มหิดลเร่งปั้น ‘วิศวกรพันธุ์ใหม่’ รับตลาดหุ่นยนต์

มหิดลเร่งปั้น ‘วิศวกรพันธุ์ใหม่’ รับตลาดหุ่นยนต์

มหิดล นำร่องหลักสูตรวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์การแพทย์ ปั้น ‘วิศวกรพันธุ์ใหม่’ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจประเทศ คาดทิศทางอุตสาหกรรมหุ่ยนต์อีก 5 ปีหน้า โตในตลาด 1.7 ล้านล้านบาท

นับวันหุ่นยนต์เริ่มมีบทบาทในโลกยุคปัจจุบันมากขึ้น มนุษย์นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาประยุกต์ใช้ได้เกือบทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในโรงงาน โรงพยาบาล ร้านอาหาร โรงเรียน ตามครัวเรือน หรือในฐานะหุ่นยนต์กู้ภัย 

จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล ได้อธิบายถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม AI ในประเทศไทยไว้ว่า ไทยจะต้องเร่งสร้างบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในด้าน AI และหุ่นยนต์ กระตุ้นการพัฒนากำลังคนภายในประเทศ ผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ นักวิจัย นิสิตนักศึกษา ให้เป็น “วิศวกรพันธุ์ใหม่” 

โดยจะต้องมีความสนใจแก้ไขปัญหา มองหาโซลูชันเพื่อขับเคลื่อนประเทศในด้านต่าง ๆ ทำงานร่วมกันเป็นทีม รู้จักแลกเปลี่ยนความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับสากล เพื่อสามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์และเติบโตในตลาดโลกอีก 5 ปีข้างหน้าโดยคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 1.7 ล้านล้านบาท

มหิดลเร่งปั้น ‘วิศวกรพันธุ์ใหม่’ รับตลาดหุ่นยนต์

งาน World  RoboCup 2022

การจัดแข่งขัน World  RoboCup 2022 จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่คนไทยจะได้แสดงศักยภาพและฝีมือของตนเองให้กับต่างชาติ เพื่อการร่วมลงทุนและการเป็นพาร์ทเนอร์ในอนาคต และยังเปิดโอกาสให้กลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ 

อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่าย ภาคเอกชน นักลงทุน และมหาวิทยาลัยชั้นนำจากทั้งในและต่างประเทศเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และส่วนสุดท้ายคือ RoboCup Symposium เวทีการประชุมวิชาการที่เปิดโอกาสให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญ และกลุ่มนักวิชาการระดับโลกได้แลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ ๆ ทางด้านเทคโนโลยีโรโบติกส์ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ 

โดยภายในงานมีเวทีการแข่งขันและอวดโฉมหุ่นยนต์ประเภทต่าง ๆ อาทิเช่น การแข่งขันฟุตบอลหุ่นยนต์ (RoboCupSoccer) การแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัย (RoboCupRescue) การประกวดหุ่นยนต์ในบ้านเพื่อการบริการส่วนบุคคล (RoboCup@Home) และการจัดประกวดหุ่นยนต์และแขนกลเพื่องานอุตสาหกรรม (RoboCupIndustrial) รวมทั้งข้อมูลด้านนวัตกรรมสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิตอลแพลตฟอร์ม

มหิดลเร่งปั้น ‘วิศวกรพันธุ์ใหม่’ รับตลาดหุ่นยนต์

หุ่นยนต์เอไอ-อิมมูไนเซอร์ ช่วยพัฒนาวัคซีน

นอกจากนี้ก็ยังมี Robotics & AI Exhibitions เวทีการแสดงผลงานสินค้าในกลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และระบบเครื่องกลที่ใช้อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ด้านนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติ ภายในงานจะมีบูธสินค้าเทคโนโลยีโรโบติกส์ที่น่าสนใจมาร่วมจัดแสดง ทางกรุงเทพธุรกิจจึงหยิบยกตัวอย่างผลงานปัญญาประดิษฐ์ของทีมวิจัยจากม.มหิดลแต่ละประเภทไว้ดังนี้ 

1. หุ่นยนต์ส่งยาและเวชภัณฑ์ในโรงพยาบาล หุ่นยนต์ขนาดกลาง ทำหน้าที่ให้บริการผู้ป่วยแทนบุคลากรโรงพยาบาล ในการส่งยาเวชภัณฑ์ อาหาร น้ำดื่ม รวมถึงสิ่งของอื่น ๆ ให้กับผู้ป่วยในพื้นที่คัดแยก และควบคุมการติดเชื้อ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในสภาวะที่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 

โดยหุ่นยนต์จะสื่อสารกับผู้ป่วยด้วยโปรแกรมสื่อสาร พูดคุยผ่านจอมอนิเตอร์ที่ติดตั้งไว้บนตัวหุ่นยนต์ ซึ่งถูกควบคุมด้วยเครือข่ายสัญญานอินเตอร์เน็ต ช่วยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนญาติของผู้ป่วย ได้ติดต่อสื่อสาร ผ่านจอมอนิเตอร์ เพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ป่วยตลอดการรักษา และยังช่วยลดภาระหน้าที่งานของบุคลากรภายในโรงพยาบาล 

2. หุ่นยนต์ช่วยเหลือการเดิน-ลุก-นั่งสำหรับผู้สูงอายุ และเก้าอี้รถเข็นไฟฟ้าขึ้นบันได เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เป็นประโยชน์แก่สังคมผู้สูงวัย เพราะจะช่วยให้ผู้สูงไหวเคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้การพยุงตัวผู้สูงอายุขึ้นจากเตียงทำได้ง่ายขึ้น ทำให้ลดภาระงานของผู้ดูแล 

3. นวัตกรรมการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ “หุ่นยนต์เอไอ-อิมมูไนเซอร์” ปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยพัฒนาวัคซีน จำแนกชนิดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) ด้วยวิธีวิเคราะห์ High-resolution Melt แบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทดแทนมนุษย์ได้อย่างครบวงจร 

ตั้งแต่การนำเพลทเลี้ยงเซลล์ที่บรรจุเซลล์เพาะเลี้ยงเข้าระบบ, ช่วยระบบติดฉลากบนเพลท, ปฏิบัติการเจือจาง (Dilute) ซีรั่มตัวอย่างที่มีแอนติบอดี (Antibody) ในหลอดทดลองด้วยตัวทำละลายในปริมาณตามต้องการ, นำตัวอย่างที่ผสมเข้าสู่เซลล์เพาะเลี้ยงแล้ววางบนเครื่องเขย่า, ถ่ายภาพและประมวลผลโดยการอ่านจำนวนไวรัสพลาค (plaque) ที่ปรากฏขึ้น และวิเคราะห์ผลทั้งระบบด้วย AI โดยได้ออกแบบให้เป็นระบบปิดในการปฏิบัติการด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ ซึ่งปลอดภัยต่อการใช้งาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยหุ่นยนต์ทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้น เป็น 3 ตัวอย่างหุ่นยนต์ที่ถูกพัฒนาโดยทีมนักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล ผ่านการร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ และได้รับการสนับสนุนบ่มเพาะองค์ความรู้จากศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์ชีวการแพทย์ (BART LAB) ที่พัฒนาบุคลากรด้านอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์

จักรกฤษณ์ กล่าวว่า BART LAB เตรียมทำหลักสูตรต้นแบบด้านวิศวกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical Robotics and AI Engineering) ที่พร้อมรับแพทย์ต่อยอดศึกษาต่อระดับปริญญาโทรุ่นแรกภายในปี 2566

โดยนวัตกรรมทุกอย่างจะผ่านการรับรองมาตรฐาน ISO17025 ของห้องปฏิบัติการเชิงทดสอบด้านความเข้ากันทางชีวภาพ (Biocompatibility) ซึ่งสามารถใช้ในการทดสอบชิ้นส่วนหุ่นยนต์ และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์ (Medical Robotics and AI) ที่ประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนที่ปลอดภัยต่อมนุษย์ และกำลังจะไปให้ถึงมาตรฐาน ISO13485 ที่จะเป็นมาตรฐานรองรับการผลิตเป็นขั้นตอนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการในเร็ววันนี้