สิ้นแสงดาว ‘ศรัณยู’ อาลัยคนบันเทิงคุณภาพ

ผู้ที่เป็นแฟนหนังแฟนละครในยุค 80s – 90s ย่อมคุ้นเคยกับ ‘ตั้ว ศรัณยู’ เป็นอย่างดีเพราะเขามีผลงานมากกว่า 100 เรื่อง ทั้งละครเวที ละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ แถมยังเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมในวงกว้างแทบทั้งสิ้น แต่ถ้าเป็นในยุค ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา เรามักจะคุ้นเคยกับเขาในบทบาทของผู้กำกับละครคุณภาพมากกว่า

สำหรับความโด่งดังของ ‘ตั้ว ศรัณยู’ นั้น ประกอบกันทั้งในเรื่องของหน้าตาที่หล่อเหลา รูปร่างสูงใหญ่ และฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยม ทำให้เขาได้รับความนิยมและเสียงชื่นชมไปพร้อมๆ กัน

• คนบันเทิงก๊วน ‘สถาปัตย์ จุฬาฯ’

เส้นทางบันเทิงของ ‘ตั้ว ศรัณยู’ ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย โดยเขาอยู่ในกลุ่มของ ‘เด็กสถาปัตย์ จุฬาฯ’ หรือคนที่จบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ในยุคหนึ่งเคยผลิตบุคคลากรที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในวงการบันเทิงบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็น ปัญญา นิรันดร์กุล, ภิญโญ รู้ธรรม, ประภาส ชลศรานนท์, ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค, เจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยม, กิ๊ก เกียรติ กิจเจริญ, ดู๋ สัญญา คุนากร, วัชระ แวววุฒินันท์, จรัสพงษ์ สุรัสวดี ฯลฯ

โดยผลงานที่โดดเด่นของเหล่า ‘เด็กสถาปัตย์ จุฬาฯ’ ในยุค 80s – 90s ที่กลายเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการบันเทิงไทย ก็มีอย่างเช่น รายการวาไรตี้ เพชฌฆาตความเครียด, กลุ่มตลกปัญญาชนคณะ ‘ซูโม่สำอางค์’ หรือแม้แต่ ‘วงเฉลียง’ ก็มีสมาชิกหลายคนจบจากคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เช่นกัน

ส่วน ‘ตั้ว ศรัณยู’ นั้นได้ร่วมกิจกรรม ละคอนถาปัด มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 แล้วค่อยขยับมามีผลงานทางโทรทัศน์ครั้งแรกด้วยการแสดงเป็นตัวประกอบในรายการ เพชฌฆาตความเครียด ในปี พ.ศ. 2527 ก่อนจะได้มาเล่นเป็นพระเอกละครเรื่องแรกใน เก้าอี้ขาวในห้องแดง (2527) ซึ่งความแปลกใหม่ของเนื้อหาที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของ สุวรรณี สุคนธา ตลอดจนการเชือดเฉือนกันของนักแสดงมากฝีมือ ทั้ง ตู่ นพพล โกมารชุน, ตั๊ก มยุรา ธนบุตร,แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี, อุทุมพร ศิลาพันธ์ เหล่านี้กลายเป็นปัจจัยที่ส่งให้ ตั้ว ศรัณยู มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่เล่นละครเรื่องแรก

• จาก ‘พี่คล้าว’ ถึง ‘พระเฑียรราชา’

ด้วยความที่ทั้งหล่อ แถมยังเล่นได้สมบทบาท จึงทำให้ผลงานการแสดงของ ‘ตั้ว ศรัณยู’ มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำด้วยกันแทบทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่ผลงานยุคแรก ๆ อย่าง ระนาดเอก (2528) บ้านทรายทอง และ พจมาน สว่างวงศ์ (2530) วนาลี (2533) รอยมาร (2533) วนิดา (2534) เรื่อยมาจนถึงบท คุณหลวงเทพ ในละคร ทวิภพ (2537) คู่กับ สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ต่อด้วยบท พี่คล้าว ใน มนต์รักลูกทุ่ง (2538) เวอร์ชั่นช่อง 7 ที่เล่นคู่กับ น้ำผึ้ง ณัฐทริกา ธรรมปรีดานันท์ และ ด้วยแรงอธิษฐาน (2539) ประกบคู่กับ กบ สุวนันท์ คงยิ่ง

ส่วนภาพยนตร์นั้น ‘ตั้ว ศรัณยู’ เล่นเอาไว้ทั้งสิ้น 22 เรื่อง อาทิ อย่าบอกว่าเธอบาป (2530) ขอชื่อสุธีสามสี่ชาติ (2532) เล่นกับไฟ (2532) กาเหว่าที่บางเพลง (2537) เรือนมยุรา (2539) สตางค์ (2543) ซุ้มมือปืน (2548) 13 เกมสยอง (2549) ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค ๑ องค์ประกันหงสา (2550) กับบท สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ องค์บาก 2 (2551) องค์บาก 3 (2553) แต่เรื่องที่โดดเด่นเป็นที่จดจำเพราะฝีมือการแสดงอันยอดเยี่ยมของเขาคือบท “พระเฑียรราชา” ในภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์เรื่อง สุริโยทัย (2543)

สำหรับผลงานการกำกับละครโทรทัศน์ และภาพยนตร์ก็มีไม่น้อย เช่น เทพนิยายนายเสนาะ (2541) น้ำพุ (2545) ลูกบ้าเที่ยวล่าสุด (2545) สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย (2546) หลังคาแดง (2547) ตราบสิ้นดินฟ้า (2551) ส่วนผลงานการกำกับภาพยนตร์มีเรื่อง อำมหิตพิศวาส (2550) คนโขน (2554)

พอมาในช่วงบั้นปลาย 'ตั้ว ศรัณยู' ได้เปิดบริษัทผลิตละครโทรทัศน์ในนาม ‘สามัญการละคร’ มีผลงานการกำกับละครเรื่อง สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย (2556) หัวใจเถื่อน (2557) รอยรักแรงแค้น (2558) และบัลลังก์หงส์ (2559) ให้ได้ชมกันเป็นเรื่องสุดท้าย

สุดท้ายนี้จุดประกายขอไว้อาลัยต่อการจากไปของ ‘ตั้ว’ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง ด้วยบทกลอนจากกวีเอก เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ในบทที่ชื่อว่า ‘ดาวศรัณยู’

ดาวศรัณยู

เธอผู้เป็นพลังใจให้มวลชน

เธอผู้กล้าฝ่าหนกลางฝนห่า

เธอผู้ถือธงธรรมนำประชา

เธอคือดาวผ่องหล้านภาดิน

   บนเวทีละคร ขจรจบ

เจนจัดครบบทบาท ทุกศาสตร์ศิลป์

เวทีสื่อสารสื่อ ระบือระบิล

ศิลปินหนึ่งนำเป็นตำนาน

   กำกับโลกการแสดงก็แกร่งกล้า

กำกับโลกโชคชะตาก็กล้าหาญ

ทั้งโลกจริงโลกแสดงแกร่งตระการ

ให้ผู้คนกล่าวขานอยู่นานยาว

   โอ้ว่าดวงดาวคล้อยมาลอยล่วง

อัญเชิญดาวหยาดดวงคืนห้วงหาว

ไปส่องแสงศรัทธาในฟ้าพราว

ให้ฟ้าฝากเฝ้าดาวคอยเฝ้าดู

   ยืนหยัดชัดเจนเป็นศิลปิน

ทั้งงานศิลป์สร้างสรรค์งานต่อสู้

กระจ่างชัดทัดทานต้านศัตรู

ศรัณยู วงษ์กระจ่าง กระจ่างใจ