‘ไพรเวตลักชัวรี’สเกลเล็กฮอต! แลนด์ลอร์ดแห่ขายเลี่ยงภาษีที่ดิน

‘ไพรเวตลักชัวรี’สเกลเล็กฮอต!  แลนด์ลอร์ดแห่ขายเลี่ยงภาษีที่ดิน

เทรนด์การพัฒนาโครงการบ้าน “ไพรเวต ลักชัวรี” สเกลเล็กขนาด 1-5 ยูนิตผุดเป็นดอกเห็ด! ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนหนึ่งสะท้อนให้เห็นถึง “ข้อจำกัด” ที่ดินหายากแลนด์ลอร์ดแห่ขายที่ดินหนี “ภาษีแพง”

อิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนเห็นถึงข้อจำกัดราคาที่ดินสูงขึ้นแต่ไม่สามารถทำโครงการที่มีความหนาแน่นสูงได้ อย่างเช่น คอนโดมิเนียมติดข้อจำกัด ถนนไม่ถึง 6 เมตร ทำอาคารขนาดใหญ่ไม่ได้! แม้จะอยู่ในทำเลศักยภาพสูงอย่าง ทองหล่อ จึงเลือกมาพัฒนาโครงการบ้านไพรเวต ลักชัวรี สเกลเล็ก ระดับราคา 40-50 ล้านบาท คุ้มค่ากว่า เพราะที่ดินหายากขึ้น

“ก่อนหน้านี้แบรนด์ใหญ่อาจไม่ได้สนใจพัฒนาแต่เมื่อมองเห็นโอกาสจากการที่บริษัทขนาดกลาง หรือรายย่อย ที่มีเจ้าของเป็นที่รู้จัก น่าเชื่อถือ ทำโครงการ 7-8 หลัง สามารถขายได้จึงมองเห็นโอกาสสร้างรายได้จากโครงการในลักษณะนี้”
 

จะเห็นว่า เซ็กเมนต์ที่ขายได้เวลานี้มีแต่เซ็กเมนต์ราคาแพง หรือหากขยายไปในพื้นที่รอบนอกเมืองยอดขายเริ่มอืด “สเกลเล็ก” แบบไพรเวตลักชัวรี 3-4 ยูนิต น่าจะตอบโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องสร้างรายได้ทุกช่องทางในที่ดินที่มีอยู่ จากก่อนหน้านี้ เซ็กเมนต์ “สเกลเล็ก” การใช้ทรัพยากรบุคคลต่างๆ มาพัฒนาอาจไม่คุ้ม

ก่อนหน้านี้ สุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสพีเจ แลนด์ จำกัด ได้พัฒนาโครงการ ลาวิสต้า เพรสทีจ วิลเลจ เอกมัย 10 มูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่นิยม "เพนต์เฮ้าส์ ราคา 100 ล้านบาทต่อยูนิต ที่เปลี่ยนใจอยากมาอยู่ “บ้านในเมือง” มากกว่าบ้านนอกเมืองซึ่งไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต 

 

จึงออกแบบบ้านเดี่ยว 7 หลัง บนที่ดิน 40-50 ตารางวา จำนวน 4 ชั้น มีลิฟท์ส่วนตัวภายในบ้าน โดยชั้น 1 เน้นการออกแบบที่ล้ำสมัยและฟังก์ชันที่จอด 4-6 คัน รองรับระบบ EV Charger สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%

“พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องการพื้นที่ส่วนกลางแชร์การใช้งาน ดังนั้นการพัฒนาโครงการขนาด 7 ยูนิตถือว่าตอบโจทย์ และเป็นคอมมูนิตี้ที่กลุ่มผู้อยู่อาศัยมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคล้ายกัน”

ขณะเดียวกัน กลุ่มไรมอนแลนด์  ประกาศจะทำแมนชั่น ระดับอัลตร้าลักชัวรี จำนวน 5 ยูนิต ทำเลพร้อมพงษ์-ทองหล่อ สนนราคา 500-700 ล้านบาท เปิดตัวไตรมาส 3 จากเดิมเคยมีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแต่ติดอุปสรรครายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)

อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้พัฒนาโครงการเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ แบรนด์ “เอลซ์” (ELSE) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง มองหาโครงการที่อยู่อาศัยขนาดไม่ใหญ่ มีจำนวนยูนิตน้อย หรือต้องการที่จะปลูกบ้านเอง แต่กังวลการเลือกที่ดินในทำเลที่ต้องการ ดีไซน์แบบบ้าน การหาผู้รับเหมาที่น่าเชื่อถือ การควบคุมราคาและคุณภาพในรูปแบบ Private Luxury Residence

ปีนี้จะเปิดทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่า 835 ล้านบาท ประกอบด้วย เอลซ์ รามอินทรา 34 จำนวน 5 ยูนิต ราคา 40-50 ล้านบาท เอลซ์ กรุงเทพกรีฑา 7 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท เอลซ์ พระราม 9 จำนวน 1 ยูนิต ราคา 59 ล้านบาท เอลซ์ แบริ่ง 32 จำนวน 4 ยูนิต ราคา 40-45 ล้านบาท เอลซ์ สุคนธสวัสดิ์ 26 จำนวน 3 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท