ดับจอแดง 'ตู่ทีวี' เมื่อคสช.รุกฆาต นปช.

ในที่สุด ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้มีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ “ช่องพีซทีวี” กระบอกเสียงของกลุ่ม นปช. หลังจาก กสท.ได้พิจารณาถึงการกระทำโดยถี่ถ้วนว่าเป็นลักษณะเข้าข่ายการกระทำที่เป็นความผิดซ้ำซาก

ก่อนหน้านั้นระหว่าง 10 เม.ย.2558 จนถึง 17 เม.ย.2558 ได้หยุดการออกอากาศชั่วคราว ตามมติ กสท. ที่ให้พักใช้ใบอนุญาต

แม้ว่าการเพิกถอนใบอนุญาตจอแดง “พีซทีวี” จะเป็นอำนาจของ กสท. แต่ในข้อเท็จจริง ผู้ที่ชงเรื่องให้ กสท. ก็คือ ชุดทำงานด้านสื่อของ คสช. นั่นเอง

ย้อนไปหลังการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงนามในคำสั่ง กอ.รส.ที่ 6/2557 เรื่องขอความร่วมมือระงับการถ่ายทอดออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ส่งผลให้จอมีสี ต้องจอดำชั่วคราประกอบด้วย

1.ช่องเอ็มวี 5 ที่มีรายการที่เป็นแกนนำ นปช.เป็นพิธีกร อยู่ 2-3 รายการ

2.ช่องดีเอ็นเอ็น ทีวีดาวเทียมในเครือเดียวกับช่องเอเชียอัพเดท

3.ช่องยูดีดีทีวี ของ นปช. และบริหารโดย จตุพร พรหมพันธุ์

4.ช่องเอเชียอัพเดท บริหารโดยคนใกล้ชิดตระกูลชินวัตร

5.ช่องพีแอนด์พี ของบริษัทจาเป่า แต่วางจุดขายของช่องให้เป็นจอแดง

6.ช่อง 4 ทีวีประชาชน ที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่มวิทยุชุมชนเสื้อแดง

7.ช่องบลูสกาย ดำเนินการโดยกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์

8.ช่องเอฟเอ็มทีวี ของ สันติอโศก เป็นกระบอกเสียงของกองทัพธรรม

9.ช่องทีนิวส์ ของ สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม แกนนำ กปปส.สายสื่อ

10.ช่องเอเอสทีวี ของ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ

11.ช่องฮอตทีวี ของ ลีนา จังจรรจา

12.ช่องวอยซ์ทีวี ของ พานทองแท้ ชินวัตร

13.ช่องเรสคิว ทีวีเตือนภัย

14.ช่องเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)

ส่วนช่องทีวีดาวเทียม สถานีอิสระธรรม ของ หลวงปู่พุทธะอิสระ ที่ดำเนินการถ่ายทอดสดเวที กปปส.ภาค 7 แจ้งวัฒนะ ไม่เจอคำสั่งระงับการออกอากาศ

เช่นเดียวกันช่องอาร์เอสยูวิสดอม ของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่เคยถ่ายทอดสดเวที กปปส.ลาดพร้าว ทุกวัน และช่อง 13 สยามไท ของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ก็ไม่เจอคำสั่งจอดำ

ต่อมา ช่องวอยซ์ทีวี และช่องทีนิวส์ กลับมาออกอากาศตามปกติ โดยไม่มีเงื่อนไขเรื่องเปลี่ยนชื่อช่องเหมือนจอมีสีช่องอื่นๆ

ผ่านมาถึงเดือนสิงหาคม 2557 หลังจาก กสท. ได้พิจารณาวาระพิเศษเรื่องช่องโทรทัศน์ดาวเทียมที่ถูกระงับการออกอากาศโดยประกาศของ คสช.ฉบับที่ 15/2557 ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 ซึ่งทาง คสช.ให้ กสทช.พิจารณาเพื่อให้กลับมาออกอากาศได้ โดยบอร์ด กสท.ได้มีการพิจารณาอนุญาตให้ออกอากาศได้ 7 ช่อง คือ

1.ช่องไฟว์แชนแนล (เดิมชื่อเอ็มวีไฟว์) โดยชัยยุทธ ทวีปวรเดช

2.ช่องฟ้าวันใหม่ ของบริษัท บลู สกาย แชนแนล จำกัด

3.ช่องบุญนิยม ของมูลนิธิบุญนิยม (เดิมชื่อช่องเอฟเอ็มทีวี)

4.ช่องนิวส์วัน ของบริษัท เอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด

5.ช่องวัน ของบริษัท พีแอนด์พี ชาแนล จำกัด (เดิมชื่อช่องพีแอนด์พี)

6.ช่องพีซทีวี ของบริษัท รวยทันที จำกัด เป็นกระบอกเสียงของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และบริหารงานโดย จตุพร พรหมพันธุ์

7.ช่อง 24 TV (เดิมชื่อช่องเอเชียอัพเดทหรือดีเอ็นเอ็น) บริหารโดย วรุธ ทัฬหสุคนธ์

โดยแต่ละช่องต้องมาทำบันทึกข้อตกลงกับทาง กสทช. ที่มีเงื่อนไขมากมาย และที่สำคัญ เนื้อหาต้องไม่ขัดต่อประกาศ คสช.ที่ว่าด้วยการกำกับดูแลสื่อ

พูดง่ายๆ การกลับมาของช่องทีวีการเมือง จะต้องเปลี่ยนชื่อ และปรับผังรายการ ให้ตรงตามเงื่อนไข คสช.กำหนดไว้

กล่าวสำหรับ “พีซทีวี” นั้นกำเนิดมาจาก “ยูดีดีทีวี” ซึ่งปลายปี 2556 เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม ส.ส.เพื่อไทยกับแกนนำ นปช. กรณีการ พรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ส่งผลให้แกนนำ นปช. หลุดจากผังช่องเอเชียอัพเดท

จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. จึงตัดสินใจทำทีวีดาวเทียมเป็นของ นปช. โดยใช้ชื่อ “ยูดีดีทีวี” ทำการถ่ายทอดสดการชุมนุมใหญ่ที่ถนนอักษะ

“อำนาจการดูทีวีของประชาชนอยู่ที่รีโมทของพวกท่าน”

ถ้อยวลีของจตุพร ที่สื่อผ่านจอแดงภาคใหม่ ได้ปลุกเร้าคนเสื้อแดงให้กลับมาดูช่องพีซทีวี ที่เริ่มแพร่ภาพมาตั้งแต่ 1 ก.ย.2557

แกนนำ นปช. ทั้ง จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, ธิดา ถาวรเศรษฐ, เหวง โตจิราการ, วีระกานต์ มุสิกพงศ์, นิสิต สินธุไพร, ธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ, วรชัย เหมะ ฯลฯ ต่างมีรายการเป็นตัวเองในช่องพีซทีวี
เนื้อหาในรายการต่างๆ ของช่องพีซทีวี ก็มิได้ต่างจากสมัยเป็นช่องยูดีดีทีวี เพียงแต่ไม่มีการปลุกระดมให้มีการชุมนุมหรือจัดโรงเรียน นปช.เหมือนเก่า

การปิดตายจอแดงสาย นปช.อย่างเร่งด่วน ในวันที่ใกล้จะถึงวาระครบรอบ “เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์” จึงมีนัยยะพิเศษแน่นอน

ดูเหมือนว่า คสช. จะไม่ไว้ใจแกนนำ นปช. และกลยุทธ์ “แกล้งตาย” ของหัวขบวนเสื้อแดง คงประเมินต่ำไม่ได้ จึงต้องมีปฏิบัติการเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นรายแรก

...

(ภาพ-facebook.com/Jatuporn.UDD)