'ก้าวไกล' ปัดเล่นเกมองค์ประชุม ถกรายงาน “กาสิโน” ยันยึดประโยชน์ประชาชน

'ก้าวไกล' ปัดเล่นเกมองค์ประชุม ถกรายงาน “กาสิโน” ยันยึดประโยชน์ประชาชน

“ก้าวไกล” ปัดเล่นเกมองค์ประชุม ถกรายงาน “กาสิโน” ยืนยันยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชน ยอมรับฝ่ายรัฐบาลขู่ เตรียมขอคืนเวลาอภิปราย 152 “ปกรณ์วุฒิ” ชี้ อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ฝั่งรัฐบาลกินเวลาเกินครึ่ง

รัฐสภา วิปฝ่ายค้านในสัดส่วนพรรคก้าวไกล นำโดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน , นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวประเด็นการขอนับองค์ประชุมในการพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 มี.ค.67) จนเกิดการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล

โดยนายชุติพงศ์ ชี้แจงว่า เมื่อวานนี้ พรรคก้าวไกลมีความตั้งใจให้รายงานฉบับนี้ผ่านไปโดยสมบูรณ์แบบที่สุด และเนื้อหาการอภิปรายเมื่อวานของ สส. หลายท่านทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ได้มีการอธิบายไปในทิศทางหลากหลาย และไม่สมบูรณ์หลายจุดมาก รวมถึงการแถลงของประธานกรรมาธิการเองก็มีข้อติดขัดหลายเรื่อง ซึ่งก็เหมือนยอมรับว่ามีความไม่สมบูรณ์อย่างไรบ้าง จึงอยากให้มีการถอนออกไปก่อน 

แต่เมื่อประธานกรรมาธิการยืนยันจะให้เดินหน้าต่อ โดยไม่สนใจข้อทักท้วงของฝ่ายค้านที่ตั้งใจจะให้ผ่านอยู่แล้ว ซึ่งถ้าหากไปย้อนดูการอภิปรายเมื่อวานของตนในขณะที่ขอนับองค์ประชุม ก็ไม่ได้ ยกมือ ขอให้เพื่อนยกมือรับรองญัตติในฐานะองค์ประชุมแต่แรก  เพราะตนอยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้จนถึงที่สุดจริงๆ แต่เนื่องจากเราเป็นฝ่ายค้านนี่คือสิ่งเดียวที่เรามี จึงขอให้มีการตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของทางรัฐบาลว่าจะผ่านให้ได้แน่แน่ภายในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม 

ทั้งนี้ ขอชื่นชมรัฐบาลที่มีองค์ประชุมครบถึง 250 เสียง ซึ่งก็ควรเป็นหน้าที่ปกติที่ฟากรัฐบาลก็ควรจะทำให้ได้ เพราะว่าถือเป็นองค์ประชุมหลักที่อยู่ในห้องประชุมอยู่แล้ว

และอีกสิ่งที่ต้องขอแถลงคือตนในฐานะฝ่ายค้านยอมรับว่าที่ผ่านมาทำงานร่วมกันกับฝ่ายรัฐบาลด้วยดี และเคารพการทำงานด้วยกันตลอด ไม่อยากให้ไปถึงขั้นลงมติ แต่ก็มีการยกเรื่องตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาช้างป่าขึ้นมา ตนว่าไม่เป็นธรรม เพราะตนก็ถูกเบี้ยวกระทู้จากคณะรัฐมนตรี (ครม.)มาโดยตลอด ซึ่งเราทำงานมาอย่างยาวนาน ก็อยากให้สภารวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด และไม่ได้มีแค่ตนที่เสนอญัตตินี้ในการตั้งกรรมาธิการ หนึ่งในผู้เสนอญัตติเพื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาช้างป่า ก็คือ สส.จากพรรคภูมิใจไทย และเพื่อไทย ที่เข้าไปทำงานร่วมกัน ตนไม่อยากให้ยกประเด็นการเจรจาต่างๆที่มีการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน มาเป็นเงื่อนไขในการจะทำงานร่วมกัน เพราะก็เชื่อว่าทางพรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่น เวลาเจราจาหรือทำงาน เราต่างยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง

“ขออย่าเป็นเกมเจ้าคิดเจ้าแค้น เราไม่ได้นับองค์ประชุมบ่อยหรอกครับ และทุกครั้งที่ทำ เรามีเหตุผลความเป็นธรรม และเพื่อประโยชน์อันสูงสุดของประชาชน” นายชุติพงศ์ กล่าว

ขณะที่นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ในรายงานกาสิโนฉบับนี้ไม่ได้มีการพูดถึงหรือเนื้อหา ในการแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย แต่เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นในด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ขออย่าเข้าใจพรรคก้าวไกล ซึ่งเห็นด้วยกับการมีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์อยู่แล้วผิด แต่เป็นเพราะผลการศึกษายังมีข้อกังวลหลายเรื่อง

“คุณคิดหรือว่าการตั้งเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะนำไปสู่การแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องบ่อนตามหัวเมืองต่างๆ ต้องยอมรับตรงตรงว่าไม่ใช่ บ่อนตามที่ต่างยังเชื่อว่ายังไงก็ยังมี“ นายรังสิมันต์กล่าว 

นายรังสิมันต์ ย้ำว่า เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะต้องทำออกมาอย่างอย่างดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ที่ฝ่ายรัฐบาลจะขอเวลาคืนในการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ทำให้นายปกรณ์วุฒิ ขอตอบทันทีเลยว่า ถ้าพูดคุยเรื่องมติอย่างเป็นทางการของทั้งสองฝ่าย ตนยังเก็บไฟล์เป็นหลักฐานไว้ จะได้รู้ว่าเราเคยตกลงกันว่าอย่างไร ซึ่งมติของเวลาอภิปรายก็เคยตกลงไว้แล้วว่าเอาอย่างไร

“การที่เอาเรื่องไม่เป็นทางการแล้วมาหักเรื่องที่เป็นทางการ ผมว่าก็อาจจะดูไม่สมเหตุสมผลนัก การขอ ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างรายงานกรรมาธิการเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เป็นเหตุผลในด้านเนื้อหา ผมถามหน่อยครับว่าการที่เราไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับใดฉบับหนึ่ง จะต้องนำไปสู่การขอเวลาคืนอภิปรายมาตรา 152 หรือครับ ผมเข้าใจดีว่าเมื่อวานก็มีอารมณ์ขุ่นมัว ขุ่นเคืองกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโกรธอะไรขนาดนั้นหนักหนา”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่า ทุกคนมีวุฒิภาวะมากพอ เมื่ออารมณ์เย็นลงก็คงไม่เอามาแก้แค้นกัน และใช้เวทีของฝ่ายค้านในการตรวจสอบที่ใหญ่ที่สุดรองจากอภิปรายไม่ไว้วางใจ เอามาเป็นประเด็นในเรื่องนี้

“อาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ฝั่งรัฐบาลขอเวลาอภิปรายครึ่งหนึ่งของที่ญัตติที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล เอามาอภิปรายเอง แม้กระทั่งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช. ยังไม่ทำเลย เราก็หวังว่าท่านประธานจะไม่บ้าจี้ไปเล่นด้วย เพราะเราก็มีข้อตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า ตนแปลกใจมากพี่กาญขอนับองค์ประชุมเป็นเรื่องปกติมาก ถือเป็นอาวุธไม่กี่อย่างที่ฝ่ายค้านมีในฐานะเสียงข้างน้อย ตนก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ใช้อาวุธนับองค์ประชุมน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไรกันนักกันหนา หรือเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตมีมูลจริงๆ 

“อย่าทำแบบนี้เลยครับ สุดท้ายแล้วมันจะสื่อได้ว่ารัฐบาลนี้มีการตรวจสอบรัฐบาลที่แล้วเสียอีก ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลทำจริงจะทำอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นจริงแสดงว่าไม่ใช่เฉพาะวิปรัฐบาลเท่านั้น แต่ฝ่ายคณะรัฐมนตรีก็เห็นด้วย ดังนั้น ตนจึงขอฝากไปถึงครม.ว่าจะหนีกันง่ายๆแบบนี้ใช่หรือไม่

ทั้งนี้ หลังการแถลงนายปกรณ์วุฒิ ได้ส่งเอกสารมติ ระหว่างวิปให้สื่อมวลชนดู เพื่อยืนยันว่าเวลาอภิปรายตามมาตรา 152 ได้มีการตกลงไว้แล้ว