‘ศาลอาญา’สั่งจำคุก 6 กปปส.ชุดเล็กฐานกบฏ แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

‘ศาลอาญา’สั่งจำคุก 6 กปปส.ชุดเล็กฐานกบฏ แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

‘ศาลอาญา’สั่งจำคุก 6 กปปส.ชุดเล็กฐานกบฏ แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ‘นิติธร-จัตภัสร์’ รอดคุก ด้าน ‘นัสเซอร์ ยีหมะ’ เคยต้องโทษมาก่อนหมดสิทธิ์เข้าเกณฑ์ ‘กิตติศักดิ์ ปรกติ’ ยกฟ้องทุกข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส. ชุดเล็กร่วมกัน กบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง ประกอบด้วย

นายนัสเซอร์ ยีหมะ
นายอุทัย ยอดมณี
นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ "ทนายนกเขา"
น.ส.จิตภัสร์ หรือ "ตั๊น" กฤดากร
นายพานสุวรรณ ณ แก้ว
นายประกอบกิจ อินทร์ทอง
นายกิตติศักดิ์ ปรกติ

โดยร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากอัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2562 สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 - 1 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทย ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)

โดยมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จำเลย ที่ศาลพิพากษาลงโทษได้ร่วมกันกับพวกจำเลยคดีนี้ มั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดินและขับไล่รัฐบาล "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

อย่างไรก็ตาม วันนี้กลุ่มจำเลยทยอยเดินทางมาที่ศาล รวมถึง "นายจตุพร พรหมพันธุ์" คณะวิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ยังได้เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
 

ขณะที่ นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความในคดี เปิดเผยก่อนการพิจารณา ว่า คดีนี้เป็นกบฎ กปปส. ชุดกลาง จำเลย 7 คน โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุม เช่นเดียวกับกรณีของนายสุเทพ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำ กปปส.

ส่วนแนวโน้มคำพิพากษาของศาลจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวกับนายสุเทพ ที่พิพากษาจำคุกหรือไม่นั้น ต้องยอมรับว่า การชุมนุมมีผู้รักชาติรักแผ่นดิน มาเป็นร่วมจำนวนมาก ดังนั้น พฤติการณ์ก็จะแยกออกเป็นกลุ่ม และในแต่ละกลุ่มพฤติการณ์ก็จะต้องแยกออกเป็นรายบุคคลอีก ซึ่งมองว่าตามหลักการทางอาญาแล้ว การจะพิจารณาแบบเหมารวมไม่สามารถทำได้

สำหรับแนวทางการต่อสู้คดีนั้น ยืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง รวมถึงลักษณะของการปราศรัย เช่น น.ส.จิตภัสร์ ก็เป็นการแปลเนื้อหาข่าวสารให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความคาดเคลื่อนในการรายงานข่าว อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล

ต่อมาศาลได้พิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกันเห็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฎฯ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมข้อหาอื่น ๆ อาทิ ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย ยุยง ให้มีการหยุดงาน รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน

โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 6 เดือน จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 9 เดือน ปรับ 40,000 บาท จำเลยที่ 2-3 กระทำความผิดหลายข้อหา รวมจำคุก 5 ปี 9 เดือน ปรับ 200,000 บาท จำเลยที่ 5-6 จำคุกรวม 4 ปี 9 เดือน ปรับ 180,000 บาท และยกฟ้องจำเลยที่ 7 ทุกข้อหา

ส่วนจำเลยที่ 2-6 ไม่เคยจำคุกมาก่อน มีข้อมูลการกระทำความผิดของนักการเมือง ไม่ใช่การกระทำความผิดเพื่อตัวเอง  มีเจตนารมณ์แสดงออกต่อสู้เพื่อหลักนิติรัฐ มีความกล้าหาญมอบตัวต่อสู้คดีไม่หลบหนี ให้รอการลงโทษคนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่เข้าเกณฑ์รอการลงโทษ