'เศรษฐา' ไม่เห็นด้วยพวกค้าน 'เงินดิจิทัล' ปลุก ปชช.อย่าปล่อยให้ใครยับยั้ง

'เศรษฐา' ไม่เห็นด้วยพวกค้าน 'เงินดิจิทัล' ปลุก ปชช.อย่าปล่อยให้ใครยับยั้ง

'เศรษฐา' ลั่นไม่เห็นด้วยกับคนค้านแจก 'เงินดิจิทัลวอลเล็ต' อ้อนคนพิษณุโลกถ้าชอบขอให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง ขอกำลังใจอย่าให้มีใครยับยั้งโครงการได้

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2566 ที่ จ.พิษณุโลก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง และคณะเดินทางมายังโรงผลิตน้ำประปา ที่เทศบาลนครพิษณุโลก เพื่อพูดคุยปัญหาน้ำประปากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีประชาชนมารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า การบริหารจัดการน้ำมี 4 ส่วนคือ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม การรักษาระบบนิเวศ และเรื่องอุปโภคบริโภค จ.พิษณุโลก เป็นจังหวัดแรกที่ตนเดินทางมาแล้วมีปัญหาเรื่องน้ำอุปโภคบริโภค เป็นเรื่องสำคัญ ทั้งเรื่องการเก็บน้ำ ท่อส่งน้ำที่สร้างมา 80 กว่าปี มีการรั่วซึม จ.พิษณุโลก ที่เป็นเมืองรอง แต่วันนี้จะเป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐาน เมื่อกลับไปจะคุย กับนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าจะดำเนินการอย่างไร ทั้งปัญหาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว

“ผมเพิ่งทราบปัญหานี้ ตอนที่เคยมาช่วงเลือกตั้ง ถ้าทราบจะเตรียมทางแก้ปัญหาไว้ แต่ถึงอย่างไรช้าดีกว่าไม่ทำ ขอกราบขอโทษด้วยแล้วกัน อย่างไรก็ตาม ส.ส.เพื่อไทยที่นี่ มีความเป็นห่วงประชาชน สิ่งที่คนในหลายจังหวัดถือเป็นของตาย คือน้ำอุปโภคบริโภค แต่ จ.พิษณุโลกที่เป็นจังหวัดใหญ่ มีปัญหาก็กราบขอโทษ ในนามรัฐบาลจะนำมาพัฒนาและทำให้ดี ในระยะสั้นก่อน ระยะยาวก็ค่อยแก้กันไป ไม่เช่นนั้นเมืองรองที่มีคุณค่าอย่างจ.พิษณุโลก จะไม่มีโอกาสเติบโตตามแผนงานพัฒนาเศรษฐกิจของชาติได้” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรม เรื่องการท่องเที่ยว การพัฒนาสนามบินอยู่ในแผนของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อยากจะบอกวันนี้คือ ที่ผ่านมารัฐบาลลดค่าไฟเหลือ 3.99 บาท ลดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงดีหรือไม่ ทำไมไม่มีใครบอก จำได้มั้ยน้ำมันดีเซลลงไปเท่าไหร่เหลือ 29 กว่าๆ ส่วนเงินดิจิทัลวอลเล็ตอยากได้หรือไม่ตนไม่แน่ใจ เรื่องการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนเป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดี

นายเศรษฐา กล่าวด้วยว่า สำหรับ เงินดิจิทัลวอลเล็ต อยากอธิบายให้ฟังว่า สมมุติวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 คนที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้คนละหมื่นบาท บ้านไหนมีสามคนห้าคนเอาไปตั้งตัวได้เลย คิดดูว่า มีประโยชน์มากแค่ไหน และเงินที่ได้ไปใช้ใน กทม.ไม่ได้ ต้องใช้ในเขตที่ท่านอยู่ จะช่วยพัฒนาชุมชนที่ท่านอยู่ ไม่ใช่พัฒนาเมืองใหญ่อย่างเดียว ซึ่งมีหลายท่านไม่เห็นด้วย แต่ตนก็ไม่เห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วย แต่เรารับฟังความคิดเห็น เพราะเราเป็นรัฐบาลของประชาชน รับฟังแล้วปรับให้ดีให้เป็นนโยบายที่โดนใจทุกคน คิดดูวันที่ 1 กุมภาพันธ์ มีเงิน 5.6 แสนล้านเข้าไปในระบบ ถ้าเป็นภาคอุตสาหกรรมจะเตรียมสินค้าออกมารองรับหรือไม่ จะมีการจ้างคนเพิ่มหรือไม่ เงินจะอยู่ในกระเป๋าประชาชนมากขึ้นแค่ไหนอย่างไร

“ท่านอย่ายอมให้คนที่ไม่เห็นด้วยโดยไม่มีเหตุผลมายับยั้งโครงการนี้ ถ้าชอบก็ขอให้พูดบ้าง ให้เปล่งเสียงออกมาบ้าง เรื่องลดค่าไฟค่าน้ำมันต้องพูด อย่างภาคอุตสาหกรรมที่ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน ท่านต้องออกมาพูดว่า ท่านมีความสุข ดีใจที่รัฐบาลนี้ทำให้ เราเองก็เป็นคนเหมือนกัน ต้องการขวัญและกำลังใจเหมือนกัน บางคนที่มาด้วยกันวันนี้ก็อยากอยู่บ้าน แต่วันนี้เข้าใจปัญหาประชาชนก็มารับฟังปัญหา เราไม่ได้มาหาเสียงแต่เรามาทำงานจริง “ นายเศรษฐา กล่าว