ประธาน ป.ป.ช.สั่งขันน็อต จนท.ตรวจทรัพย์สิน จี้สอบเชิงลึก

ประธาน ป.ป.ช.สั่งขันน็อต จนท.ตรวจทรัพย์สิน จี้สอบเชิงลึก

ประธาน ป.ป.ช. สั่งขันน็อต จนท.ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน จี้สอบเชิงลึก นำเทคโนโลยีเข้าเชื่อมโยงข้อมูล รวดเร็ว รอบคอบ เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวเปิดการสัมมนาระดมความคิดเห็นเพื่อการพัฒนาระบบตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งจัดขึ้นโดยสำนักพัฒนาระบบตรวจสอบทรัพย์สิน ป.ป.ช. มีเจ้าหน้าที่ด้านตรวจสอบทรัพย์สินทั่วประเทศ เข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และประสบการณ์ของเจ้าหน้าที่ด้านการตรวจสอบทรัพย์สินของสำนักงาน ป.ป.ช. และรับฟังปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานของบุคลากร เพื่อนำไปพัฒนาระบบการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนเพื่อทบทวนความรู้ความเข้าใจในระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการตรวจสอบทรัพย์สินฯ

ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวตอนหนึ่งว่า ภารกิจด้านการตรวจสอบทรัพย์สินมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่างานด้านการปราบปรามการทุจริต และสามารถพัฒนาระบบการตรวจสอบทรัพย์สินให้ความความโปร่งใสและตรวจสอบได้ มีความรวดเร็วในกระบวนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ซึ่งการทำงานตรวจสอบทรัพย์สินของสำนักงาน ป.ป.ช. มีความสอดรับกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003 ในประเด็นของการติดตามทรัพย์สินของผู้ที่กระทำทุจริตกลับคืน หรือที่เรียกว่า Asset Recovery ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีความมุ่งหวังให้บุคลากรด้านการตรวจสอบทรัพย์สินปฏิบัติงานอย่างรอบคอบ รวดเร็ว และมีความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำนักงาน ป.ป.ช. มีผลงานการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินฯ สูงสุดจำนวนกว่า 44,012 บัญชี โดยส่วนใหญ่จะเป็นผลงานการตรวจสอบปกติ

ประธานกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวด้วยว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 สำนักงาน ป.ป.ช. จะมุ่งเน้นการตรวจสอบยืนยันและการตรวจสอบเชิงลึกให้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สำนักงาน ป.ป.ช. จะได้นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อประโยชน์ในการเชื่อมโยงข้อมูล และเพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ตลอดจนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอีกด้วย อาทิ การเปิดรับยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ ODS ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ยื่นบัญชีผ่านระบบออนไลน์ แบ่งเป็น 3 ระยะ ตามประเภทตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีฯ ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 สำหรับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีตามมาตรา 103 ระยะที่ 2 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 สำหรับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีตามมาตรา 102 (1) – (8) และระยะที่ 3 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 สำหรับผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีตามมาตรา 102 (9)