เปิดใจ“อริยะ พนมยงค์” แรงกดดัน ฟื้น "ช่อง3"

เปิดใจ“อริยะ พนมยงค์” แรงกดดัน ฟื้น "ช่อง3"

นับตั้งแต่ตกเป็นข่าวย้ายจากองค์กรธุรกิจข้ามชาติอย่าง “ไลน์ ประเทศไทย” มาอยู่ “บีอีซี เวิลด์” หรือช่อง 3 ชื่อของ บี๋ อริยะ พนมยงค์ ก็ถูกจับตามองมาตลอดหลายเดือน

กระทั่งเจ้าตัวและช่อง 3 ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการเข้ามารับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซีเวิลด์ จำกัด (มหาชน) สยบข่าวลือทั้งหมด!

เมื่อเข้ามาบ้านหลังใหม่หลังใหญ่อย่างช่อง 3 สปอร์ตไลท์ ส่องตรงมาที่เขาหนักขึ้น โดยเฉพาะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่าง “ผู้ถือหุ้น ที่เมื่อครั้งการประชุมผู้ถือหุ้นบีอีซีฯ ที่ผ่านมา เจ้าตัวถูกผู้ถือหุ้นรายย่อย “เค้น” ถามถึงแผนพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมามี “กำไร” หลังจากปีที่ผ่านมา เผชิญการขาดทุน 330.20 ล้านบาท หนักสุดในรอบกว่า 40 ปีนับจากก่อตั้งองค์กร

18 เม.ย. 2562 เป็นวันแรกที่ “อริยะ” เข้าไปที่วิกพระราม 4 และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทย ที่ผู้บริหารมักจะไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำองค์กร เฉกเช่นข้าราชการกระทรวง ทบวงกรม ที่ทำงานแรกต้องสักการะพระพรหม หรือไหว้พระประจำกระทรวง

โจทย์ใหญ่และยากของ “อริยะ” เมื่อเข้ามาช่อง 3 มีหลายอย่าง นอกจากพลิกขาดทุนเป็นทำกำไรแล้ว ต้องพ่วงด้วยการกอบกู้เรตติ้งที่ดิ่งลง เพราะพฤติกรรมคนดูละคร รายการโทรทัศน์ เปลี่ยนจาก “จอแก้ว” ไปอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ๆ โดยเฉพาะการหารายได้จากช่องทางออนไลน์ เช่น การปั้น“Mello” (แพลตฟอร์มผู้ให้บริการวิดีโอเอ็นเตอร์เทนเมนต์ออนไลน์ ที่นำละครดังจากช่อง 3 มาให้รับชมย้อนหลัง) ให้ฮิตติดบ้านติดเมืองไม่ต่างจาก Line TV ที่เขาเคยทำให้ประสบความสำเร็จ เป็นผลงานชิ้นโบแดง เป็นต้น

หลังทำงานเพียง 2 สัปดาห์ แม้“อริยะ” จะยังไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นทางการ ทว่าเมื่อพบปะเจ้าตัวที่ไหน บรรดาสื่อไม่วายพร้อมใจห้อมล้อม ถามทิศทางตลอดวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนช่อง 3 

แต่ที่แน่ๆ งานแรกที่เจ้าตัวต้องเร่งทำการบ้าน คือการกดเครื่องคิดเลข ประเมินข้อดีข้อเสีย เพื่อตัดสินใจ คืนหรือ ไม่คืนใบอนุญาตประกอบการทีวีดิจิทัล(ไลเซ่นส์) ซึ่งบีอีซีแบกไว้บนตักถึง 3 ช่อง ได้แก่ วาไรตี้ความคมชัดปกติ(เอสดี) วาไรตี้ความคมชัดสูง(เอชดี) และช่องเด็กและครอบครัวหรือช่อง 3 แฟมิลี่

7 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ได้เรียกผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลร่วมประชุมเพื่อชี้แจงหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายค่าชดเชยการคืนใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล จึงมีผู้ประกอบการทีวีฯหลายรายเข้าไปรับฟัง โดย “บีอีซี เวิลด์” มี “อริยะ” นำทัพ พร้อมด้วยผู้แทนฝ่ายการเงิน และสายกิจการองค์กร

 งานนี้สื่อกรูเข้าหา “อริยะ” สอบถามบีอีซีจะคืนกี่ช่อง เพราะกระแสข่าวมีทั้ง คืน 1 ช่องคือช่องเด็ก คืน 2 ช่อง รวมถึงเก็บไว้ทั้ง 3 ช่องเหมือนเดิม

“กระแสคืนช่องมีทุกกระแสเลย” อริยะ บอก ก่อนขยายความว่า ไทม์ไลน์จากนี้คือการประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด)เป็นการภายใน และให้ฝ่ายบัญชี การเงินนำสูตรไปคำนวณผลได้ผลเสียกรณี “คืน” หรือ “ไม่คืน” ช่อง ซึ่งกสทช.กำหนดเส้นตายต้องแจ้งการตัดสินใจภายใน 10 พ.ค. หรือในอีก 2 วันจากนี้

โดยเบื้องต้นเขาระบุว่า ทั้ง 2 ทางเลือก (คืน และ ไม่คืนใบอนุญาต) ล้วนได้ประโยชน์ทั้งคู่ !!

ขอเวลาไม่กี่วัน เพราะเราต้องให้บอร์ดตัดสินใจก่อนวันศุกร์ แม้ว่าเราจะมีทางเลือกไว้ในใจอยู่แล้ว แต่ขอกลับไปคำนวณทุกอย่างให้รอบคอบก่อน

นั่นเพราะการตัดสินใจเรื่องดังกล่าวมีหลักเกณฑ์หลายด้าน ไม่ใช่แค่ “เม็ดเงิน” ที่จะได้รับชดเชยเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาสถานการณ์เม็ดเงินโฆษณา เรตติ้ง พฤติกรรมการรับชม ดิจิทัล ดิสรัป รวมถึงทิศทางของช่อง 3 ที่จะมุ่งสู่ออนไลน์หรือโอทีที ล้วนมีผลต่อธุรกิจรอบด้าน “อริยะ”เผย

สื่อยังโยนคำถามไปว่า ..รับบทแม่ทัพช่อง 3 เพียงไม่นาน แต่ต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ หนักใจแค่ไหน?

เห็นใจผมนะ ผมเข้ามาทำงานได้ 2 อาทิตย์ เลยต้องของเวลาหน่อย เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ผมมีเวลาแค่ 2 อาทิตย์ ในการศึกษาเรื่องนี้ แต่โชคดีที่มีทีมงานทำเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ” 

ก่อนตกปากรับคำเข้ามาบริหารช่อง 3 อริยะ ยังรับรู้ว่าบีอีซีถือครองทีวีดิจิทัล 3 ช่อง เรื่องคืน ไม่คืนช่องถือเป็นเรื่องใหม่ ทำให้การวางวิชั่นและแผนธุรกิจเป็นอีกแบบ พอมีคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(คสช.)ใช้มาตรา 44 มาช่วยเยียวยาทีวีดิจิทัล ทำให้ต้อง “บิด” แผนธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะแผนระยะยาวที่จะต้องขบคิดกลยุทธ์การทำงานกันใหม่ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 2 นี้ เพื่อแถลงต่อสาธารณะ

ตอนนี้ทุกคนคาดหวังที่จะเห็นผลงานเร็ว แต่เรากำลังเตรียมแผนระยะยาวอยู่” เจ้าตัวเผย 

การเข้ามารับบท “ผู้นำ” ช่อง 3 ท่ามกลางสถานการณ์ “วิกฤต” ด้านรายได้และเรตติ้ง อริยะ เปิดใจว่า..

ที่ผมรับทำงานที่บีอีซี เพราะเป็นบริษัทที่อยู่คู่เมืองไทยมานาน 49 ปี จึงอยากมีโอกาสช่วยช่อง 3 และบริษัทให้เติบโต เพราะเป็นองค์กรที่อยู่คู่คนไทยมานาน 49 ปี แม้ว่าบริษัทจะขาดทุนอย่างมากในปีก่อน แต่ถ้ามองพื้นฐานของช่อง ยังดี หากดูคุณภาพละคร ศิลปิน ดารา ช่อง 3 ทำได้โดดเด่น ส่วน Asset ของบีอีซีและช่องมีความแข็งแกร่งมาก นี่คือสิ่งที่เห็น

อย่างไรก็ตาม กระแสที่ “บี๋ อริยะ” มาคุมทัพ ทำให้เอเยนซีต่างตื่นเต้นและพร้อมใจร่วมงาน ขณะที่สิ่งที่น่าจับตา คือฝีไม้ลายมือที่เคยฝากไว้กับกูเกิล (อดีตหัวหน้าทีม กูเกิล ประเทศไทย) และไลน์ ประเทศไทย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโอทีที จะเป็น ขุมทรัพย์ใหม่ ที่อาจเป็น “สูตร” พลิกฟื้นช่อง 3 ในอนาคต ก็เป็นได้ !!