'หมอวรงค์' เปิดใจยอมรับพ่าย พร้อมลุยงานพรรคต่อ

'หมอวรงค์' เปิดใจยอมรับพ่าย พร้อมลุยงานพรรคต่อ

เปิดใจยอมรับความพ่ายแพ้ "หมอวรงค์" ชี้เป็นความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ จากความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ของพรรค แนะคนในพรรคต้องกลับไปเปิดใจปิดห้องคุยกัน เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพรรคครั้งใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผลการเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 ของจังหวัดพิษณุโลก นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้สมัครส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพ่ายแพ้การเลือกตั้ง ให้กับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา จากพรรคอนาคตใหม่ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวที่ จ.พิษณุโลก ว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ตนต้องขอขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจในทุกคะแนนเสียง ซึ่งตนเองยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ แต่ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ของตนเองเท่านั้น แต่ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ความเห็นส่วนตัวความผิดพลาดที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากตัวผู้สมัครอย่างเดียว

แต่ปัญหาใหญ่คือยุทธศาสตร์ของพรรค พรรคมีความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ของพรรค ที่ผ่านมาเราควรต่อสู้กับพรรคเพื่อไทยมากกว่า แต่ไม่ควรไปต่อสู้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งเราประเมินความผิดพลาดเป็นอย่างมาก พรรคเราเปิดเกมที่เราไม่ถนัด พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคเก่าแก่กว่า 70 ปี เรากลับไปเปิดเกมส์กับคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นเกมส์ที่เราไม่ถนัด 3 สิ่งนี้ มันทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายเรา ความเชื่อมั่นของพรรคประชาธิปัตย์ลดน้อยลง และสุดท้ายประชาชนก็ลงโทษเรา ซึ่งทำให้เห็นว่าวันนี้กรุงเทพฯเราสูญพันธุ์ ภาคเหนือเหลือเราแค่คนเดียว อีสาน 2 ภาคใต้ ก็หายไปเยอะ และหลายพื้นที่ก็หายไปเยอะมาก

นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า ตนเองคิดว่าในเมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาก็ไม่ท้อแท้แต่อย่างใด ซึ่งถึงเวลาที่พวกเราประชาธิปัตย์ต้องปิดประตูห้องมาคุยกัน เพราะวันนี้นักรบในพื้นที่ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของพรรคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ คนชนะเป็นคนส่วนน้อย เราต้องเปิดใจคุยกันในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์ครั้งใหญ่ ทั้งเปลี่ยนวิธีคิดวิธีทำงาน เปิดใจให้กว้างรับฟังความคิดเห็นคนส่วนใหญ่ และเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ใช่เดินหน้าเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าอนาคตหลังจากนี้จะเดินทางไปทิศทางใด นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า ตนเองพูดเสมอว่าพรรคประชาธิปัตย์ คือ บ้าน ตนเองคิดว่าจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะต้องไปพูดคุยกัน และต้องมาช่วยสร้างพรรคขึ้นมาใหม่ อาจจะต้องใช้เวลา เพราะครั้งนี้ไม่ใช่แค่อับปางแค่เล็กน้อย แต่มันกลายเป็นซากปรักหักพัง ซึ่งต้องใช้เวลา และใช้พลังร่วมกัน

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ตนเองคิดว่ายุทธศาสตร์พรรคถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหากผู้สมัครแต่ละคนไม่ทำงานก็ว่ากันไป แต่ตนเองดูแล้วทุกคนทำงานกันหมด และมั่นใจกันมาตลอด แต่เมื่อวางยุทธศาสตร์ผิดพลาด ก็ไปกันใหญ่ ตนเองเน้นย้ำศัตรูของพรรคประชาธิปัตย์คือพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประยุทธ์ พรรคพลังประชารัฐควรเป็นแนวร่วม สู้กันพอประมาณ และที่สำคัญเกมของคนรุ่นใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เกมที่เราถนัด ซึ่งตนเองยืนยันว่าคนรุ่นใหม่ กับ คนรุ่นเก่านั้น ต้องผสมผสานร่วมกัน แต่เราก็ไปเล่นในเกมส์ที่เราไม่ถนัด ประชาชนเห็นแล้วก็ไม่ชอบกับเรา

ผู้สื่อข่าวถามว่าหัวหน้าพรรคไม่มีแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อ นายแพทย์วรงค์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่มีเสน่ห์อยู่อย่างคือเรามีระเบียบ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ชัดเจน และต้องมีการประชุมร่วมกันของคณะรักษาการพรรค สุดท้ายก็จะได้ผู้บริหารพรรค แต่แนวคิดตนเองรอบนี้ ผู้ที่จะนำพาพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาช่วยกัน จากหลายๆส่วน จะคิดเห็นตรงกันหรือไม่ตรงกัน ก็ต้องมาคุยกัน เพราะนี้คือบ้านเรา ช่วยกันสร้างใหม่ ซึ่งต่อจากนี้ตนมีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ ผู้ที่เป็นผู้บริหารพรรคต้องชนะ หรือ มากกว่าเดิม เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนนำพาพรรค จะต้องพาไปเรื่อยๆ หากไม่ได้ข้อใดข้อหนึ่งก็คงต้องออก เพื่อให้คนใหม่เข้ามา พรรคจะได้โตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ควรอยู่ต่อ และต้องเน้นย้ำคือไม่ควรมีการสืบทอดอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ เราต้องเปิดใจให้กว้างพวกเราที่อยู่บ้านหลังนี้คือพรรคประชาธิปัตย์ อย่าไปกล่าวหากัน ช่วยกันทำงาน