หากคืนนี้โหวต Brexit ผ่าน จะเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนฟื้นตัว

หากคืนนี้โหวต Brexit ผ่าน จะเป็นปัจจัยหนุนบรรยากาศการลงทุนฟื้นตัว

ติดตามการโหวตรับร่าง Brexit คืนนี้

หลังอังกฤษได้ข้อตกลงเพิ่มเติม เทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กับฌอง คล็อด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บรรลุข้อตกลงเพิ่มเติม โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการแยกตัว, ระยะเวลาช่วงเปลี่ยนผ่านในการออกจากยุโรป 2 ปี และการไม่มีจุดควบคุมด้านชายแดนอย่างเข้มงวดระหว่าวงไอร์แลนเหนือ (ส่วนหนึ่งของแงกฤษ) และประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าจะเป็นในการที่รัฐสภาจะรับรองการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่หากร่างดังกล่าวตก รัฐสภาต้องโหวตรับรองการออกจากยุโรปโดยไม่มีข้อตกลง (no-deal Brexit) ในวันรุ่งขึ้น หรือขอขยายการเจรจากับยุโรปออกไป

แนวคิดเลิก LTF อาจสร้างแรงกดดันช่วงสั้น แต่ประเมินผลกระทบจำกัด รมว.คลังมีความเห็นไม่ต่ออายุสิทธิประโยชน์ LTF ที่จะสิ้นสุด 2562 ทั้งนี้เม็ดเงินเข้าซื้อ LTF สุทธิประมาณปีละ 30,000 ล้านบาท โดยรายจ่ายภาษีที่รัฐบาลเสียไปในปี 2560 อยู่ที่ 12,802 ล้านบาท คิดเป็น 11.8% ของรายจ่ายภาษีรัฐบาล เป็นรองเพียงการลดหย่อนจากประกันชีวิต (12.3%) ทั้งนี้จากการที่ LTF เป็นสิทธิ์ลดหย่อยที่สำคัญของผู้มีรายได้จากเงินเดือน ซึ่งเป็นผู้เสียภาษีเพียง 10% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด และจ่ายภาษีถึง 80% ของภาษีเงินได้บุคคล เราประเมิน ทั้งนี้การตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ และเราคาดการยกเลิกทันทีไม่น่าเกิดขึ้น แต่น่าจะเป็นการปรับรูปแบบของการให้สิทธิประโยชน์ ทำให้ประเมินผลจากยุติ LTF ยังจำกัด

ฟื้นตัว โดยลุ้นหากผ่าน 1638 จุด จะยกกรอบการเล่นขึ้น ปริมาณการซื้อขายในช่วงสั้นลดลงจากความกังวลการเมือง ซึ่งแม้ว่าที่นายกฯ อาจเริ่มดูไม่แน่นอน แต่ภาพการจับมือหลังการเลือกตั้งอาจไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้เราประเมินบรรยากาศลงทุนโดยรวมมีโอกาสดีขึ้นโดยติดตาม 1) 12-14 มี.ค การโหวตรับข้อตกลง Brexit 2) 24 มี.ค. เลือกตั้งในประเทศ 3) 27 มี.ค. คาดสหรัฐฯ-จีน สรุปตกลงการค้า หุ้นขนาดกลางที่มีการถือครองน้อยมีโอกาสถูกเก็งกำไรโดดเด่น นักลงทุนทยอยสะสมหุ้นใหญ่เมื่ออ่อนตัวโดยเรายังชอบหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น ปิโตรฯ ที่ราคาสะท้อนผลการดำเนินงานที่อ่อนแอไปแล้วในไตรมาส 4/61 อาทิ PTT, PTTEP, TOP, BCP, PTTGC, SCC รวมถึง หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ อาทิ CPF, TU, CPALL, AOT, ERW, MINT,STEC, GPSC, EGCO, BTS, BEM

ภาพรวมกลยุทธ์: เคลื่อนไหวในกรอบ 1625-1640 จุด เน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวก และยังปรับขึ้นไม่มาก จำกัดความเสี่ยงด้วยการตั้งจุดตัดขาดทุน // หุ้นแนะนำวันนี้ CPF, JMART* (เป้า 8.70 ตัดขาดทุน 7.40), TKN* (เป้า 12.50 ตัดขาดทุน 10)

แนวรับ 1625 / แนวต้าน : 1638 จุด สัดส่วน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

ประเด็นการลงทุน

ประธานเฟดย้ำเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง – นายเจอโรม พาวเวลล์ ย้ำเศรษฐกิจสหรัฐฯยังแข็งแกร่งแม้มีแนวโน้มชะลอตัวลงบ้างเล็กน้อยในปีนี้ พร้อมแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าแรงกดดันจากทรัมป์ไม่มีผลต่อการตัดสินใตในการดำเนินนโยบาย

PBOC มีโอกาสลด RRR ลงอีกในปีนี้ – ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่ามีโอกาสเพิ่มความผ่อนคลายทางการเงินผ่านการปรับลดอัตราส่วน RRR ลงอีกในอนาคต แต่คาดไม่มากเท่าปีที่ผ่านมา (ปี 61 ปรับลด RRR ลงประมาณ 5 ครั้ง หรือ 3.5%)

นายกฯอังกฤษ เปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit ก่อนลงมติวันนี้ – เทเรซา เมย์ ได้รับความเห็นชอบจาก EU ให้เปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit ก่อนยื่นลงมติกับรัฐสภาในวันนี้

หุ้นปันผลที่น่าสนใจ – BCP, CPF, DCC, DRT, EASTW, MAJOR, QH, TISCO, KKP

 

ประเด็นติดตาม: 12 มี.ค. – ลงมติข้อตกลง Brexit, 20 มี.ค. – ประชุม กนง. (ปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทย), 21 มี.ค. – BOE meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)