จีนยังมีพฤติกรรมขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

การขโมยทรัพย์สินทางปัญญาโดยบริษัทจีนเป็นประเด็นสำคัญของกรณีพิพาททางการค้าระหว่างรัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งล่าสุด ผลสำรวจความเห็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีเอฟโอ)ของบริษัทต่างๆที่เป็นสมาชิกสภาซีเอฟโอโลก มีฐานดำเนินงานอยู่ในอเมริกาเหนือของเว็บไซต์ซีเอ็นบีซี บ่งชี้ว่า ประมาณ1ใน5 ของบริษัทที่ถูกสุ่มสำรวจบอกว่าถูกบริษัทจีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

ผลสำรวจชิ้นนี้ ยังระบุว่า นโยบายการค้าของสหรัฐยังคงส่งผลกระทบในทางลบต่อบรรยากาศการดำเนินธุรกิจทั่วโลก แต่ขณะนี้ บรรดาซีเอฟโอบริษัทยุโรปกำลังเกิดความรู้สึกวิตกกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการค้าในฐานะเป็นปัจจัยเสี่ยงจากภายนอก

สภาซีเอฟโอโลก เป็นตัวแทนบริษัทเอกชนและบริษัทรัฐวิสาหกิจทั่วโลก มีมูลค่าตลาดโดยรวมเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์และกระจายในอุตสาหกรรมภาคต่างๆ ซึ่งผลสำรวจชิ้นนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 7 ก.พ.และ22 ก.พ. เป็นการสอบถามความเห็นของสมาชิก 54 คนที่บริษัทมีฐานดำเนินงานกระจายอยู่ทั่วโลก รวมทั้ง บริษัทที่มีสาขาอยู่ในอเมริกาเหนือ

ช่วงปลายปีที่ผ่านมา หน่วยงานพิจารณาเรื่องร้องเรียนขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ได้รับคำร้องจากสหรัฐกรณีที่จีนพยายามขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และเทคโนโลยีการผลิต โดยเอกสารกว่า 53 หน้าที่สหรัฐส่งให้ดับเบิลยูทีโอระบุว่าจีนมีนโยบายไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจของประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการถ่ายทอดเทคโนโลยี ที่ทำให้บริษัทเอกชนจากต่างประเทศไม่พอใจ รวมถึงการที่จีนขโมยทรัพย์สินทางปัญญาจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะจากสหรัฐ