ปชป.เปิดนโยบาย 'ไม่เกรงใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด'

ปชป.เปิดนโยบาย 'ไม่เกรงใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด'

พรรคประชาธิปัตย์เปิดนโยบาย "ไม่เกรงใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด" ด้าน "ผู้การแต้ม" เล็งติดดาบป.ป.ส.มีอำนาจสอบสวนส่งฟ้องอัยการไม่ผ่านตำรวจ พร้อมผุดอาสาป้องกันยาเสพติด แจกเบี้ยเลี้ยง-เงินเดือน "อภิสิทธิ์" ย้ำชัดหากมีโอกาสทำจะไม่เกรงใจใคร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วิชัย สังข์ประไพ หรือ ผู้การแต้ม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร และนายอันวาร์ สาและ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ปัตตานี แถลงเปิดนโยบายหาเสียงเลือกตั้งเรื่องยาเสพติด ภายใต้สโลแกน “ไม่เกรงใจใคร ปะ-ฉะ-ดะ ยาเสพติด”

โดยพลตำรวจตรีวิชัย กล่าวว่า สมัยเป็นตำรวจดูแลเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ กทม. ดังนั้นเมื่อมาทำงานกับพรรคฯ จึงเสนอตัวแก้ไขเรื่องดังกล่าว ซึ่งนโยบาย ปะ ฉะ ดะ เริ่มจาก 1.การยกระดับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้มีอำนาจสอบสวนเทียบเท่าตำรวจ โดย ป.ป.ส. สามารถทำสำนวนส่งอัยการฟ้อง ไม่ต้องผ่านตำรวจ นอกจากจะเป็นการแบ่งเบางานตำรวจ เหมือนกับที่มี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แบ่งงานจากกองปราบแล้ว ยังเป็นการคานอำนาจรัฐและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดได้ดียิ่งขึ้น ครอบคลุมไปยังเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันต้องยกระดับ ป.ป.ส. ให้มีทุกจังหวัด เพราะ ป.ป.ส. มีข้อมูลยาเสพติดมากกว่าตำรวจ จึงต้องให้อำนาจเขา

2.เพิ่มโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง เพราะถ้าเจ้าหน้าที่รัฐไม่เกี่ยว ปัญหาจะไม่เพิ่มขึ้น อีกทั้งต้องดำเนินการทางวินัยกับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น 3.ผู้เสพจับซ้ำต้องย้ำคุก หมายถึง หากได้รับการบำบัดแล้วครั้งหนึ่ง แต่ถูกจับอีก ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะอ้างเป็นผู้ป่วยไม่ได้อีก 4.ตั้งอาสาป้องกันยาเสพติด คล้ายกับตำรวจบ้านหรือตำรวจชุมชน โดยจะมีเบี้ยเลี้ยงและเงินเดือน 5.เพิ่มศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดให้ครบครอบคลุมพื้นที่ และเพิ่มคุณภาพในการบำบัดให้ดียิ่งขึ้น เมื่อออกมาแล้วผู้บำบัดจะได้คืนสู่สังคม โดยครั้งแรกจะไม่มีประวัติ เพื่อให้สามารถไปทำงานได้อีก สำหรับคำว่า ปะ หมายถึง ดำเนินการ / ฉะ คือ ปราบปรามทุกรูปแบบ ไม่กลัวผู้มีอิทธิพล / ดะ คือ ไม่เลือกหน้า

ด้านนายอันวาร์ บอกว่า ขณะนี้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รุนแรง ทำให้ชาวบ้านทุกข์หนัก เพราะต้องเจอสี่คูณร้อย ระบาด ตั้งแต่เยาวชน ครอบครัว อีกทั้งขยายไปยังกลุ่มผู้นำท้องถิ่น บางพื้นที่ผู้นำศาสนาก็เอาด้วย ซึ่งผู้เสพที่เสพมาเป็นระยะนาน จะมีปัญหาระบบขับถ่ายไม่สามารถควบคุมได้ ถือว่าร้ายแรงมาก ประกอบกับในชุมชนก็ยังมีธุรกิจรับต้มและขาย ซึ่งกลายเป็นธุรกิจหนึ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ จึงเห็นว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว ทั้งนี้ มาตรดังกล่าวเชื่อว่าจะแก้ปัญหาได้ในทุกพื้นที่ไม่ เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจะบังคับใช้กฏหมาย และทำอย่างจริงจัง พร้อมเตือนเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าจะเอาโทษถึงที่สุด

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อตอนเป็นรัฐบาลได้มีโอกาสพูดคุยกับวัยรุ่นชายที่อยู่ในสถานบำบัด ที่เข้าๆออกๆอยู่หลายครั้ง ว่าปัญหาเริ่มมาจากอะไร ซึ่งก็ได้คำตอบว่า เริ่มจากการเสพ แล้วกลายเป็นผู้ค้า ผู้ครอบครอง เพราะต้องหาเงินไปซื้อยา วนเวียนอยู่ในวงจรเดิมๆ และ “ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง ปัญหาจะแก้ไขได้” / หลังจากนั้นตนก็ไม่มีเวลาทำนโยบายเพิ่มเติม แต่วันนี้ผ่านมา 6-7 ปี ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาใหญ่ในใจประชาชน จึงต้องจัดการกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญสุงสุด และถ้าพรรคฯ มีโอกาสทำ จะไม่เกรงใจใคร ไม่เช่นนั้นปัญหาจะไม่หมดไป